กรมวิทย์เผยผลตรวจภูมิคุ้มกันสู้โควิด BA.5 ซิโนแวค 2 เข็ม บูสต์ไฟเซอร์ ชนะเลิศ!

กรมวิทย์เผยผลตรวจภูมิคุ้มกันสู้โควิด BA.5 ซิโนแวค 2 เข็ม บูสต์ไฟเซอร์ ชนะเลิศ!

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงผลการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ว่า กรมวิทยาศาสตร์ฯได้ดำเนินการติดตามภูมิคุ้มกันในคนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ต่อไวรัสจริงสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.5 เทียบกับ BA.2 โดยการเพาะเชื้อเป็น เมื่อได้ปริมาณมากแล้ว นำมาทดสอบกับคนที่ฉีดวัคซีน 3 เข็ม โดยวิธี Plaque Reduction Neutrlization Test (PRNT)

“เอาเชื้อเป็นๆ มาทดสอบกับภูมิคุ้มกันในน้ำเลือดหลังฉีด 2 สัปดาห์ ต้องใช้ห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ที่มีความปลอดภัยระดับ 3 ขึ้นไป เป็นวิธีมาตรฐานโลกที่บอกว่าฆ่าเชื้อได้จริงหรือไม่ พบว่า
สูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วย แอสตร้าเซนเนก้า ภูมิคุ้มกันต่อ BA.5 ลดจาก 203.5 เหลือ 89.79
สูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วย ไฟเซอร์ ภูมิคุ้มกันต่อ BA.5 ลดจาก 345.8 เหลือ 153.8
สูตรแอสตร้าฯ 2 เข็ม ตามด้วย ไฟเซอร์ ภูมิคุ้มกันต่อ BA.5 ลดจาก 226.2 เหลือ 86.51
สูตรซิโนแวค แอสตร้าฯ ตามด้วย แอสตร้าฯ ภูมิคุ้มกันต่อ BA.5 ลดจาก 84.60 เหลือ 43.60

โดยสรุป BA.5 หลบภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนได้ดีกว่า BA.2 แปลว่า วัคซีนมีผลน้อยลง แต่อย่างที่ทราบ หากไตเตอร์จางไป 1 ต่อ 10 ถือว่าน่าจะป้องกันโรคได้อยู่ตามสมควร เพราะฉะนั้น วัคซีน 3 เข็ม ทุกสูตรมีค่าเกิน 10 ไปพอควร หมายความว่า คนฉีด 3 เข็ม ถ้าระยะไม่นานนัก ช่วยป้องกันโรคได้ตามสมควร แต่ป้องกันความรุนแรง อาการหนักช่วยอยู่แล้ว ดังนั้น ทุกสูตรเมื่อเวลาผ่านไป 3, 4 และ 6 เดือน ค่อยเริ่มลดระดับลง ก็อาจจะลดลงกว่านี้เมื่อเจอ BA.5 จึงมีความจำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) หากฉีดเข็มสุดท้ายมานานแล้ว ขอให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันมากขึ้น ทำให้ป้องกันโรคหรือป้องกันความรุนแรงจะเข้มแข็งขึ้น” นพ.ศุภกิจกล่าว

นพ.ศุภกิจกล่าวอีกว่า สอดคล้องกับการศึกษาในต่างประเทศ ที่พบว่า หลังติดเชื้อแล้ว 2 สัปดาห์ เมื่อติดสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 จะมีภูมิคุ้มกันสูงต่อสายพันธุ์นั้น แต่เมื่อเป็นสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ภูมิคุ้มกันก็ลดลงอีก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อได้อีกแค่หลังติด 1-2 สัปดาห์ หลังติดเชื้อ 28 วันก็เช่นกัน เมื่อติดเชื้อแล้วมีภูมิคุ้มกันขึ้นสูงใน 4 สัปดาห์ แต่เจอ BA.4 และ BA.5 ภูมิคุ้มกันลดลงประมาณ 3 เท่า น่าจะติดเชื้อซ้ำได้

Advertisement

“คนที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม เป็นแอสตร้าฯ หรือไฟเซอร์ จะพบภูมิคุ้มกันต่อ BA.4 และ BA.5 ลดลง คนที่ติดเชื้อ BA.1 หรือ BA.2 จะพบภูมิคุ้มกันต่อ BA.4 และ BA.5 ลดลง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อซ้ำได้อีก ฉะนั้น ผู้ที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม จะมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน BA.5 ลดลง แต่ยังป้องกันการติดเชื้อรุนแรงได้ ผู้ที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรได้รับเข็มที่ 4 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน BA.5 ลดการติดเชื้อและความรุนแรงของโรค และมาตรการดูแลตนเองสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ยังมีประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อ” นพ.ศุภกิจกล่าว

ด้าน นางสุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ว่า จะเห็นได้ว่ารายงานในต่างประเทศมีการศึกษา BA.4 และ BA.5 เป็นการดูภูมิคุ้มกันร่วมกัน เนื่องจาก BA.4 และ BA.5 ตรงสไปก์มีความเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นระหว่าง BA.4 และ BA.5 อาจจะไม่มีความแตกต่างกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image