คิกออฟฉีด LAAB ให้ผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางป้องกันรักษาโควิด อนุทิน ยันให้ฟรีทุกเคส

คิกออฟฉีด LAAB ให้ผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางป้องกันรักษาโควิด อนุทิน ยันให้ฟรีทุกเคส

วันนี้ (27 กรกฎาคม 2565) ที่สถาบันบำราศนราดูร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานส่งมอบภูมิคุ้มกันออกฤทธิ์ชนิดยาว (Long Acting Antibody : LAAB) หรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ที่ใช้ดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางในการป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ผู้ตรวจราชการ สธ.เป็นเชิงสัญลักษณ์ในการกระจายส่ง LAAB ไปทั่วประเทศ พร้อมนำร่องการฉีด LAAB ให้แก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 3 ราย เป็นวันแรก โดยมี นายเจมส์ ทีก ประธานบริหารบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และผู้บริหาร สธ.เข้าร่วม

นายอนุทิน กล่าวว่า LAAB นำมาใช้ดูแลผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ต่ำ เช่น ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องฟอกไต ปลูกถ่ายอวัยวะและไขกระดูก ผู้ที่ต้องรับยากดภูมิ ทำให้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่เพียงพอ ซึ่งทางบริษัท แอสตร้าฯ ผลิต LAAB ขึ้นมา เป็นเสมือนยาที่ฉีดแล้วออกฤทธิ์ทันที และอยู่ยาวถึง 6 เดือน หรือตามภาษาที่ตนเข้าใจคือ หายคาเข็ม เพราะออกฤทธิ์เร็วกว่าการฉีดวัคซีนที่ต้องรอ 1 เดือน จึงเกิดภูมิคุ้มกัน

“ดังนั้น เราจึงทำสัญญาขอเปลี่ยนจากวัคซีนแอสตร้าฯ จำนวนหนึ่ง มาเป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป LAAB โดยไม่ต้องเพิ่มงบประมาณ จัดซื้อประมาณ 2.5 แสนโดส โดยเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา เข้ามาล็อตแรก 7,000 โดส ซึ่งหลังจากตรวจคุณภาพแล้ว ก็ได้กระจายส่งไปยังทั่วประเทศ โดยจังหวัดจะกระจายไปยังโรงพยาบาล (รพ.) ต่างๆ ตามข้อมูลที่มีการร้องขอมา วันนี้ ก็ได้ทำการฉีดผู้ป่วยไตวายเป็นวันแรก ส่วนกลุ่มเป้าหมายตามข้อบ่งชี้สามารถติดต่อสถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์พิจารณาว่า จำเป็นต้องรับภูมิคุ้มกัน LAAB หรือไม่ ซึ่งกำชับให้บุคลากรทางการแพทย์เตรียมพร้อมบริการและบริหาร LAAB อย่างเสมอภาค ให้ติดตามผลการรับภูมิคุ้มกันตามมาตรฐาน ส่วน LAAB ที่เหลือจะทยอยส่งจนครบภายในสิ้นปี 2565” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า ขณะนี้การติดเชื้อโควิด-19 ค่อนข้างสูง แต่อัตราเสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้นมากจนเหนือความคาดหมาย ซึ่งผู้เสียชีวิตในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 มากกว่าร้อยละ 95 มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ และไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งการให้ LAAB น่าจะควบคุมอัตราการเสียชีวิตได้ดีขึ้น เนื่องจากภูมิคุ้มกันจะออกฤทธิ์ทันทีหลังฉีด นอกจากนี้ LAAB ยังเป็นไฮบริด คือ นอกจากเป็นเหมือนวัคซีนในการป้องกันแล้ว ยังเป็นยาในการรักษาด้วย ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาสำหรับผู้ป่วยตามข้อบ่งชี้ทุกกลุ่ม ซึ่งมีประมาณ 5 แสนราย แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับทุกราย โดยให้แพทย์ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาตามความสุ่มเสี่ยง แต่หากจำเป็นต้องใช้มากขึ้นก็อาจจะต้องเจรจาจัดซื้อเพิ่มเติม

“ในการใช้ LAAB ยืนยันว่า เป็นการดูแลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจาก สธ.จัดซื้อและกระจายส่งไปยัง รพ. แม้กระทั่ง รพ.เอกชน ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะเรื่องการรักษาก็มีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดูแล การใช้ LAAB ก็มีระบบรัฐให้ความคุ้มครอง ซึ่งเรื่องการจัดส่งก็รวมอยู่ในงบประมาณของการจัดซื้อแล้ว จึงไม่มีทางที่จะมีการนำมาขายหรือออกนอกช่องทาง” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยอดป่วยหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเกินเกณฑ์ที่กำหนด จะมีการเสนอปรับเพิ่มเติมมาตรการอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ในระดับหลักร้อย ส่วนอัตราการเสียชีวิตก็ไม่ได้เพิ่มจนเกินกว่าที่คาดไว้ ซึ่งก็มีการดูแลรักษาที่ดี ปัจจุบัน มีผู้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) ทำให้ไม่มีอาการหนักมากขึ้น ยกเว้นมาจากโรคอื่น ทั้งนี้ การเสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ยังดูแลได้ดีอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภูมิคุ้มกัน LAAB ของแอสตร้าฯ 1 โดส นั้น ประกอบด้วย ภูมิคุ้มกัน 2 ชนิด บรรจุใน 2 ขวด ขวดละ 1.5 มิลลิลิตร คือ Tixagevimab และ Cilgavimab โดยจะต้องฉีดภูมิคุ้มกันทั้ง 2 ชนิดนี้เข้าที่สะโพก 2 ข้างพร้อมๆ กัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image