อนุทิน ขอประชาชนติดตามข้อมูลฝีดาษลิงจาก สธ. ยัน! ติดเชื้อรักษาตามสิทธิ

อนุทิน ขอประชาชนติดตามข้อมูลฝีดาษลิงจาก สธ. ยัน! ติดเชื้อรักษาตามสิทธิ

จากกรณี ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง (Monkey pox) รายที่ 2 โดยเป็นคนละรายกับผู้ป่วยชายชาวไนจีเรียรายแรก พร้อมระบุว่า เป็นผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU-ID220016-FTV) โดยไวรัส 2 ตัวอย่าง มีความใกล้เคียงกันมาก และ มากกว่าสายพันธุ์ A.2 ที่ไปพบในอินเดีย และ สหรัฐอเมริกา เป็นไปได้สูงมากว่าผู้ป่วยรายที่ 2 ได้รับเชื้อฝีดาษลิงมาจากชายชาวไนจีเรียรายแรก และยังไม่ใช่สายพันธุ์ B.1 ที่เป็นสายพันธุ์หลักของโลกตอนนี้ แต่ต่อมา ดร.อนันต์ ได้ลบโพสต์ข้อความข้างต้นออก แล้วโพสต์ข้อความใหม่ระบุว่า ตัวอย่างฝีดาษลิงรายที่ 2 ในประเทศไทย น่าจะเป็นตัวอย่างจากผู้ป่วยไนจีเรียคนเดิม แต่ตั้งชื่อไวรัสต่างกัน จึงสับสน นั้น

วันนี้ (28 กรกฎาคม 2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ “มติชน” ถึงข้อมูลความชัดเจนกรณีผู้ป่วยในประเทศไทย ว่า แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดยาวของประชาชน แต่ สธ.ก็ยังทำงานกันอยู่ตลอด เพื่อเฝ้าระวังทั้งโรคโควิด-19 และโรคฝีดาษลิง ขอให้มั่นใจได้ว่า สธ.ไม่เคยปกปิดข้อมูล เพราะการปิดข้อมูลก็จะส่งผลกระทบต่อการควบคุมเชื้อโรคระบาดด้วย

“วันนี้เป็นวันมงคล ผมก็อยากให้ทุกคน คิดดีทำดี พูดแต่เรื่องดีๆ หากเป็นเรื่องของโรคระบาด ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลการแถลงข่าวจากกระทรวงฯ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เพราะจะเห็นได้ว่าหากมีสถานการณ์หรือความฉุกเฉิน ก็จะมีการแถลงข่าวจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ปฏิบัติงานจริงทันที” นายอนุทิน กล่าวและว่า ตนเชื่อว่าทุกคนมีความหวังดี ซึ่งต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ รวมถึงประชาชนก็มีความตื่นตัวดี

นายอนุทิน กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังสถานพยาบาลในสังกัด สธ.ทุกแห่งว่า ถ้าพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ ก็ขอให้เก็บตัวอย่างส่งตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นอกจากนั้น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้ประสานความร่วมมือไปยังสถานพยาบาลเอกชน เพื่อให้ดำเนินตามมาตรการเดียวกันนี้ ให้เป็นอย่างเช่นตอนที่เฝ้าระวังโรคโควิด-19 ที่ทุกหน่วยงานร่วมมือกัน ส่วนข้อมูลรายละเอียดผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ ขอให้ติดตามจากทางกรมควบคุมโรค

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหากคนไทยติดเชื้อฝีดาษลิง จะต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างไร รวมถึงชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีเป็นคนไทย สามารถรักษาและเบิกจ่ายได้ตามสิทธิสุขภาพของแต่ละคนตามระบบ ส่วนชาวต่างชาติหากเขามีประกันสุขภาพส่วนตัว ก็ใช้ส่วนนั้นได้

“แต่อย่างไรแล้ว เราก็ต้องดูแลทุกคนเพื่อไม่ให้โรคแพร่กระจาย เหมือนอย่างที่เราดูแลทุกคนในช่วงโควิด-19 ดังนั้น ขอให้ทุกคนมั่นใจได้ว่า หากมีอาการป่วยเข้าเกณฑ์โรคฝีดาษลิงแล้วเข้ามาวินิจฉัยโรค ก็จะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่” นายอนุทิน กล่าว

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคจากเคสรายแรก เชื่อว่าทาง จ.ภูเก็ต มีข้อมูลที่ครบถ้วนมากกว่าส่วนกลางที่รายงานข้อมูลเป็นรายสัปดาห์ แต่ก็คาดว่าอาจมีผู้ป่วยที่เข้าไปขอรับการตรวจวินิจฉัยโรคมากขึ้น เพราะทุกคนตื่นตัว

Advertisement

“ส่วนการรักษาพยาบาลในคนไทย นั้น ใช้รักษาตามสิทธิได้ฟรีอยู่แล้ว แม้ยังไม่ใช่โรคติดต่ออันตราย สำหรับชาวต่างชาติก็ต้องใช้ประกันสุขภาพส่วนตัว แต่ค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก เนื่องจากบุคลากรไม่ต้องใช้ระบบป้องกันโรคเหมือนโควิด-19 เช่น ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) แล้วโรคหายได้เอง ใช้ยาตามอาการ ค่าใช้จ่ายเลยไม่สูงมาก” นพ.โอภาส กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image