อย.ยันไม่ปิดกั้นเอกชน ย้ำ! ปชช.ควรรับยารักษาโควิดตามช่องทางถูก กม. เพื่อความปลอดภัย
วันนี้ (5 สิงหาคม 2565) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า จากที่มีกระแสข่าวเรื่องยาเถื่อนคือยาจริง ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด เลือกซื้อยาผ่านช่องทาง ออนไลน์นั้น อาจได้รับยาที่ไม่มีคุณภาพ และอาจได้รับอันตรายจากยาปลอม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนรับยาจากช่องทางที่ถูกกฎหมาย ซึ่งผ่านการนำเข้าหรือผลิตจากผู้รับอนุญาตด้านยาเท่านั้น ถึงจะสามารถยืนยันความปลอดภัยได้ เนื่องจากผู้ได้รับอนุญาตจะมีระบบการประกันคุณภาพยาตามมาตรฐานสากลตลอดห่วงโซ่การกระจายยา จึงสามารถมั่นใจได้ว่า ยาจะคงคุณภาพและความปลอดภัยจนถึงมือผู้ป่วย รวมไปถึงมีระบบติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาด้วย
นพ.สุรโชค กล่าวว่า การซื้อยาจากแหล่งที่ไม่รู้ที่มาที่ไป หรือผู้ขายที่ไม่ใช่ผู้รับอนุญาตด้านยา ผู้ป่วยอาจได้รับยาที่ผลิตจากโรงงานที่ไม่มีมาตรฐานการผลิตยาที่ดี (Good Manufacturing Practice: GMP) รวมทั้งอาจได้รับยาปลอมหรือยาที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากจะเสียเงินโดยใช่เหตุแล้ว อาจเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง
“สำหรับยาที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ก็เช่นกัน การรับยาผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมายจะมีระบบติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ระหว่างผู้ได้รับอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาและแพทย์ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดความรุนแรง หรือป้องกันอาการไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงให้กับผู้ป่วยที่รับยาได้” นพ.สุรโชค กล่าวและว่า ปัจจุบัน อย.ได้อนุมัติทะเบียนตำรับยากลุ่มที่ใช้รักษาโรคโควิด-19 ให้แก่ผู้รับอนุญาตจำนวนหลายราย ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นบริษัทเอกชน ได้แก่ ยาโมลนูพิราเวียร์ จำนวน 3 ทะเบียน ยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 3 ทะเบียน ยาเรมเดซิเวียร์ จำนวน 5 ทะเบียน โดยได้มีการกระจายยาไปยังสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน อย.ไม่เคยปิดกั้นหรือผูกขาดการนำเข้าแต่อย่างใด
รองเลขาธิการ อย. กล่าวย้ำว่า ขอให้ประชาชนรับยาจากแหล่งที่ถูกกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร หากผู้บริโภคพบเห็นหรือมีเบาะแสการนำเข้าหรือขายยาที่ผิดกฎหมายหรือยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา สามารถแจ้งหรือร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. โทรศัพท์ 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai
