วงเสวนาตีแสกหน้า ตร.ไม่รู้! มีผับเมาน์เท่น บี ชงผู้ว่าฯ ปิดยาว 5 ปี แนะผู้เสียหายฟ้องกราวรูด

วงเสวนาตีแสกหน้า ตร.ไม่รู้! มีผับเมาน์เท่น บี ชงผู้ว่าฯ ปิดยาว 5 ปี แนะผู้เสียหายฟ้องกราวรูด

วันนี้ (10 สิงหาคม 2565) ที่โรงแรมแมนดาริน สามย่าน กรุงเทพมหานคร เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากสุรา เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ และสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันจัดเสวนา หัวข้อ “จากซานติก้าผับถึงเมาน์เท่น บี…แก้อย่างไรให้ตรงจุด” หลังเกิดเหตุไฟไหม้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย จากโศกนาฎกรรมเพลิงไหม้ผับเมาน์เท่น บี จ.ชลบุรี

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เชื่อว่าหากตำรวจไม่รู้คงไม่มีใครกล้าเปิด ไม่ใช่ว่าเป็นการล้อมผ้าเปิดแล้วเดินทางไปที่อื่นต่อ เรื่องนี้ชาวบ้านรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ถ้าไม่รู้ก็ถือว่าโง่ หรือไม่มีสมรรถภาพ ทั้งนี้คาดว่า มีความเกี่ยวข้องกับการรับเงิน และที่เมาน์เท่น บี ไม่ใช่ที่สุดท้าย แต่มีสถานบันเทิงแบบนี้อยู่ทั่วประเทศ หากไฟไม่ไหม้ก็คงไม่มีใครรู้ ดังนั้น การแก้ไขเฉพาะหน้าคือการเอาผิดผู้การตำรวจที่หูหนวกตาบอด ส่วนระยะยาวต้องปฏิรูปโครงสร้างการบริหารงานราชการภูมิภาค ตำรวจต้องขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯ ต้องควบคุม สั่งงานได้ ลงโทษได้ เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ นายอำเภอ อนุญาตให้เปิดร้านต่างๆ แต่การตรวจสอบว่ามีการดัดแปลง หรือทำผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นหน้าที่ตำรวจ ซึ่งแน่นอนว่าเมาน์เท่น บี เป็นสถานบันเทิงเถื่อน ตำรวจกลับบอกว่าไม่รู้

ด้าน ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน นายกสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ใน จ.ชลบุรีอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงลักษณะนี้เพียง 2 อำเภอ คือ เมืองพัทยา และ อ.บางละมุง เท่านั้น ดังนั้น เมาน์ เท่น บี ที่ อ.สัตหีบ จึงเป็นพื้นที่ห้ามเปิด และมีการดัดแปลงการประกอบกิจการ ที่เป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะในพื้นที่มีหลายหน่วยงานที่ดูแล แต่ขาดการบูรณาการ บังคับใช้กฎหมายที่หย่อนยานก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำซาก ซึ่งเมาน์เท่น บี เปิดมา 2 เดือน คนทั้งจังหวัดรู้ แต่ตำรวจกลับไม่รู้ พอเกิดปัญหา ก็แก้ปัญหาง่ายๆ คือดำเนินคดีกับเจ้าของ สั่งย้ายนายอำเภอ ตำรวจในพื้นที่ไปแขวนไว้ที่อื่น ตั้งกรรมการสอบ ซึ่งทำแบบนี้ทุกครั้ง ตนจึงอยากให้กรณีนี้เป็นคดีตัวอย่างโดย 1.ผู้เสียหายรวมตัวกันฟ้องร้องผู้ประกอบการที่ประมาท 2.ยื่นเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนละเลยแค่ไหน 3.ฟ้องศาลปกครอง ฟ้องหน่วยงานรัฐตั้งแต่ผู้ว่าฯ ลงมา เพื่อให้รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยปละละเลย เช่นเดียวกับพื้นที่อื่น หากพบสถานบันเทิงเสี่ยง เคยถูกร้องเรียนแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ แต่ไม่มีการแก้ไขอะไร ก็สามารถยื่นเรื่อง ป.ป.ช.ได้ โดยไม่ต้องรอให้เกิดโศกนาฏกรรม และ 4.ที่แห่งนี้ ผู้ว่าฯ ควรมีคำสั่งห้ามเปิดกิจการแบบสถานบริการอีก 5 ปี

Advertisement

“ซึ่งจุดนี้อาศัยอำนาจตามคำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 ,46/2559 ดำเนินการได้เลย เพราะหนึ่งในฐานความผิดที่ชัดเจนคือให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ รวมถึงขอเรียกร้องให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการฯ ตามคำสั่งนี้ เร่งออกกำกับติดตามตรวจจับกุมร้านเหล้าผับบาร์ต่างๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายนี้ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อย่าปล่อยให้ร้านเหล้าผับบาร์นอกรีตสร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินประชาชน” ว่าที่ ร.ต.สมชาย กล่าว

ขณะที่ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้ทราบเบื้องต้นว่า เจ้าของผับมีการจ่ายชดเชยผู้ตายรายละ 5 หมื่นบาท ถือว่าไม่เพียงพอ ทั้งที่จริงๆ ควรจ่ายชดเชยโดยคำนวนความสูญเสียทางเศรษฐกิจตามประมาณการณ์อายุของผู้เสียชีวิต โดยรัฐต้องเป็นแกนกลางจัดสร้างพื้นที่ต่อรองระหว่างผู้ประกอบการกับครอบครัวผู้เสียหายให้ได้รับการเยียวยาที่เป็นธรรมที่สุด ทั้งนี้ เห็นว่าการแก้ปัญหาต้องปฏิรูปหรือออกกฎหมายให้นายทุน เจ้าของกิจการ ต้องรับผิดชอบค่าชดเชยกรณีเกิดอุบัติภัยต่างๆ หรือให้มีการตั้งกองทุนชดเชยขึ้นมา โดยให้นายทุนส่งเงินเข้ากองทุน แทนที่จะให้เป็นการต่อรองเป็นรายกรณี และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตเปิดสถานประกอบการที่ต้องขึ้นกับหลายหน่วยงานทั้งท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตรวจสอบต่อเนื่อง และเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อให้สถานประกอบการอยู่ในร่องในรอย

“เหตุการณ์ ตั้งแต่โรงงานเคเดอร์ ปี 2536 ตาย188 คน โรงแรมโรยัล พลาซ่า ถล่ม ตาย 137 คน ปี 2536 โรงงานลำใยอบแห้งระเบิด ปี 2542 ตาย 36 คน ซานติก้า ผับ ตาย 67 คน ถึงเมาน์เท่น บี ล่าสุด ซึ่งกรณีโรงงานลำใยระเบิดนั้น ได้นำมาตรฐานข้อเรียกร้องที่นายจ้างโรงงานเคเดอร์ จ่ายมาเป็นต้นแบบเรียกร้องกับนายจ้างโรงงายลำใยอบแห้ง คือให้จ่ายค่าชดเชยผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ รายละ 2 แสนบาท และจ่ายค่าการศึกษาบุตรผู้เสียชีวิต แต่นายจ้างหนีออกนอกประเทศ จึงต้องเรียกร้องต่อรัฐบาล ใช้เวลาต่อสู้นาน 6 เดือน รัฐบาลมีมติจ่ายเป็นกรณีพิเศษให้เท่ากับกรณีคนงานเคเดอร์ คือ รายละ 2 แสน และให้ค่าการศึกษาบุตร แต่เมื่อเทียบกับเหตุการณ์เมาน์เท่น บี ได้แค่ 5 หมื่นบาท ถือว่าน้อยมาก ควรต้องได้เกือบล้านบาท ด้วยซ้ำ หากเทียบเคียงกับกรณีเคเดอร์ เพราะต้องคิดตามอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 4-5 ด้วย ข้อสำคัญผับบาร์จะเป็นสถานที่ของอภิสิทธิชนมิได้ กฎหมายต้องเท่าเทียม” นายจะเด็จ กล่าว

Advertisement

นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่พบว่ามีใครออกมาเยียวยาต่อผู้เสียหายอย่างจริงจัง ตามที่มีการอ้างว่า ทนายความนำเงินประกันไปเยียวยาผู้เสียหายแล้ว ทั้งๆ ที่ ผู้เสียหายต้องได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรม โดยการเยียวยาเฉพาะหน้า ต่อผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นค่าปลงศพ ค่ารักษาพยาบาล และกรณีเป็นหัวหน้าครอบครัว ก็จะทำให้มีคนอีกมากที่ขาดคนอุปการะก็ต้องได้รับการเยียวยาด้วย ดังนั้น ขณะนี้ มูลนิธิฯ ได้ประสานงานไปยังเครือข่ายภาคตะวันออกลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล ประสานความช่วยเหลือผู้เสียหายแล้ว หรืออีกช่องทางหนึ่งผู้เสียหายสามารถติดต่อมามูลนิธิฯ ได้ทางโทรศัพท์ 0 2248 3734-7 อินบ็อกซ์เข้าไปที่เฟซบุ๊ก “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” และไลน์ consumerthai โดยในการช่วยเหลือ อาทิ เปิดพื้นที่ให้มีการไกล่เกลี่ย เยียวยา หากไม่มีความเป็นธรรมก็จะช่วยเรื่องการฟ้องร้องคดีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image