กทม.ฝาก จนท.เขตเป็นพี่เลี้ยง ตรวจสถานฯคล้ายผับ ตักเตือน 1 สัปดาห์ 15 วันสั่งปิด ยังนิ่งแจ้งคดี ฟันไปแล้ว 3 ที่
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ห้องประชุมชั้น 18 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมซักซ้อมการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของสถานบริการ และสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ว่าเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักการโยธา สำนักเทศกิจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักอนามัย และพื้นที่ 6 กลุ่มเขตของ กทม. เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจสถานประกอบการของแต่ละพื้นที่ให้ตรงกัน
นายขจิตกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ดูแลความเรียบร้อยของสถานประกอบการให้เป็นไปตามระเบียบกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยหลักเกณฑ์การประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภท การจัดให้มีการแสดงดนตรี เต้นรำ รำวง รองเง็ง ดิสโก้เทค คาราโอเกะ หรือการแสดงอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน พ.ศ.2548 เช่น ประตูหนีไฟต้องมีความกว้าง 1.5 เมตร สูง 2 เมตร จำนวน 2 ทาง เสียงไม่เกิน 110 เดซิเบล มีถังดับเพลิง 1 ถังต่อพื้นที่ 100 ตารางเมตร เป็นต้น
ซึ่งจะให้เขตไปตรวจสอบแต่ละสถานประกอบการว่ามีการทำครบตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ครบจะใช้การตักเตือน 7 วัน ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ถ้ายังไม่ปรับปรุงจะมีการสั่งปิดสถานประกอบการชั่วคราว 15 วัน ซึ่งถ้ายังไม่มีการปรับปรุงอีก จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับทางตำรวจ รวมไปถึงถ้าสำนักเขตไปตรวจแล้วพบเจอเหตุสุดวิสัยอันตรายก็สามารถสั่งปิดสถานประกอบการได้ทันที
นายขจิตกล่าวต่อว่า สถานประกอบการและสถานบริการในกรุงเทพมหานครมีประมาณ 1,300 แห่ง ซึ่งกำลังทยอยเปิดหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และยกเลิกมาตรการ COVID Free Setting ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสบายใจ กทม.เตรียมเปิดเผยรายชื่อสถานประกอบการที่ได้รับการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนที่ใช้บริการสถานประกอบการให้สำรวจทางหนีไฟ หรืออุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยของสถานประกอบการในเบื้องต้นเพื่อป้องกันตนเอง โดยสามารถแจ้งเหตุมายังสายด่วน 1555 หรือผ่าน Traffy Fondue ที่จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายชั่วโมง
ปัจจุบันมีสถานประกอบการถูกสั่งปิดไปแล้ว 3 แห่งจาก 494 แห่ง โดย 194 แห่ง อยู่ระหว่างการออกหนังสือแจ้งเตือน โดยสำนักเทศกิจยืนยันในที่ประชุมว่า ตรวจสถานประกอบการได้ตามเป้าหมายทั้ง 494 แห่ง ซึ่งเป็นลักษณะการตรวจซ้ำทุกสัปดาห์
“เรียนผู้ประกอบการทุกท่าน ช่วงนี้เรามีทีมลงไปแนะนำอยู่แล้ว ถ้ามีข้อสงสัยจะต้องปรับปรุงอะไรทางเราจะแนะนำให้หมดเลย ทั้งจำนวนถังดับเพลิง เครื่องตรวจจับควัน วัสดุทนไฟต่างๆ สามารถปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่เขตได้ รวมถึงโทรศัพท์สอบถามที่สำนักอนามัยในวันเวลาราชการ เพื่อความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ ตลอดจนเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมา ผู้ประกอบการธุรกิจในช่วงกลางคืนสามารถเดินหน้าได้ต่อไป” นายขจิตกล่าว
