นักสิทธิสตรี ฝาก รบ.แก้ข่มขืนที่ต้นตอ หลังเตรียมประกาศเป็นวาระแห่งชาติ

นักสิทธิสตรี ฝาก รบ.แก้ข่มขืนที่ต้นตอ หลังเตรียมประกาศเป็นวาระแห่งชาติ

นักสิทธิสตรี ฝาก รบ.แก้ข่มขืนที่ต้นตอ หลังเตรียมประกาศเป็นวาระแห่งชาติ

ตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง (พม.) โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ (ร่าง) วาระแห่งชาติ แผนปฏิบัติการเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ นั้น

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยว่า วิเคราะห์ร่างแผนดังกล่าว อาจยังไม่ได้แก้โจทย์หลักคือ อำนาจนิยมที่เหนือกว่า ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงทัศนคติชายเป็นใหญ่ อย่างที่ผ่านมาเราเห็นข่าวการล่วงละเมิดทางเพศมีตั้งแต่นักการเมือง ข้าราชการครู อาจารย์มหาวิทยาลัย หรือข้าราชการระดับต่างๆ เพราะการแก้ปัญหายังไม่ลงลึกไปถึงรากของปัญหา คือโครงสร้างเชิงอำนาจ

ทั้งนี้ มูลนิธิได้รับเรื่องร้องเรียนปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียนจำนวนไม่น้อย ทั้งที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประกาศนโยบายโรงเรียนปลอดภัย อีกทั้งมีการตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ศคพ.) หรือแม้แต่กรณีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อดัง ที่ถูกกล่าวหาในคดีกระทำอนาจารเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ก็เงียบหาย

นายจะเด็จกล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่าระบบการทำงานของภาครัฐ เป็นลักษณะการตั้งรับแก้ปัญหา สังคมไทยยังเป็นโครงสร้างของอำนาจแบบรวมศูนย์ ตั้งแต่ระดับบริหารส่งต่อมา จึงยังปรากฏให้เห็นถึงปัญหาการคุกคามทางเพศ การคอร์รัปชั่น ฉะนั้นหากจะยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ จะต้องแก้โจทย์ใหญ่เรื่องของอำนาจที่เหนือกว่า ต้องครอบคลุมถึงระบบโครงสร้างรัฐ ไม่ใช่มองแค่ระดับคนทั่วไป คนในครอบครัว ขณะเดียวกันจะต้องให้เกิดการบูรณาการร่วมแก้ปัญหาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นหน่วยที่ต้องเอื้ออำนวยให้ผู้ถูกกระทำกล้าที่จะไปแจ้งความร้องทุกข์ นอกจากนี้ใน พม.เอง ซึ่งมีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในทุกพื้นที่ รวมถึงมีศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน และศูนย์ต่างๆ ในระดับพื้นที่ของทุกกรม แค่ระดับกระทรวงจะเชื่อมโยงบูรณาการการทำงานอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image