‘ชัชชาติ’ ขอเอาจริง ร่วมมือญี่ปุ่น ตั้งเป้าเป็นผู้นำ ‘กทม.ปลอดคาร์บอน’ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

‘ชัชชาติ’ ขอเอาจริง ร่วมมือญี่ปุ่น ตั้งเป้านำร่อง ‘กทม.ปลอดคาร์บอน’ เป็นต้นแบบลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่ห้องกมลทิพย์ 2 โรงแรม เดอะ สุโกศล เขตราชเทวี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการประชุมเสวนา “กรุงเทพมหานครกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงาน เพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (The Bangkok Climate and Energy Action Conference for Net Zero Greenhouse Gas Emission) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency: JICA) และเมืองโยโกฮามา เพื่อเผยแพร่แผนแม่บทกรุงเทพมหานครว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.2564-2573 และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมี นายทาคุโระ ทาซากะ (Mr. Takuro Tasaka) อัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายเรียวอิชิ กาวาเบะ (Mr. Ryoichi Kawabe) ผู้แทนอาวุโส องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) สำนักงานประเทศไทย นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม ร่วมงานเสวนา

นายชัชชาติกล่าวว่า ปัจจุบัน ปัญหาภาวะโลกร้อนนับเป็นประเด็นสำคัญที่แต่ละประเทศให้ความสนใจและเป็นหนึ่งในหัวข้อหลักในการพัฒนาประเทศเพื่อมุ่งสู่สังคมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และเมืองคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ.2050 เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย กรุงเทพมหานคร ได้รับการสนับสนุนจาก JICA และเมืองโยโกฮามา มาอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยเริ่มจากการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยการลดปัญหาภาวะโลกร้อน พ.ศ.2550-2555 ซึ่งภายหลังนำไปสู่การจัดทำแผนแม่บทกรุงเทพมหานครว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2556-2566 และมาถึงแผนแม่บทฯ ฉบับใหม่ (พ.ศ.2564-2573) มีความสอดคล้องกับความตกลงปารีส และในการดำเนินงานได้บูรณาการนโยบายและโครงการต่างๆ ภายใต้แผนดังกล่าวในแผนพัฒนากรุงเทพมหานครระยะ 20 ปี

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสิ่งแวดล้อม รัฐบาลญี่ปุ่น ดำเนินโครงการ City-to-City Collaboration for Zero-Carbon Society ร่วมกับเมืองโยโกฮามา สนับสนุนการดำเนินงานตามแผนแม่บทกรุงเทพมหานครว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.2564-2573 ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนเพื่อดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงพัฒนาโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยโครงการดังกล่าวมีกิจกรรมที่สนับสนุน ได้แก่ 1.การจัดทำแผนปฏิบัติการพลังงานของกรุงเทพมหานคร 2. การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชน และ 3.การพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกของภาคเอกชน

Advertisement

โดย กรุงเทพมหานคร จะเป็นผู้นำร่องจากกิจกรรมที่เห็นผลได้จริง ผ่านการพัฒนา โครงการ กทม.ปลอดคาร์บอน (BMA Net Zero) เพื่อเป็นแบบอย่างของการเอาจริง เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่องค์กรอื่น โดยคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร และมีมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการผลิตพลังงานทดแทน การใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงทางพลังงาน สนับสนุนเรื่องการเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV car) รวมทั้งสนับสนุนการเดินทางโดยรถสาธารณะ ที่สำคัญคือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก โดยมีการตั้งเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้ 1 ล้านต้น ภายใน 4 ปี ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมแล้ว 1.6 ล้านต้น ภายใน 3 เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกคนมาร่วมมือกัน เพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิกาศในกรุงเทพฯ

“เรื่องก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทั้งโลก (Global) คิดเป็นนโยบายต่อเนื่องมา ในขณะเดียวกัน แต่ละท้องที่ (Local) ต้องมีนโยบายที่ทำให้เป็นจริง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่นั้น ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ทางองค์การ JICA ได้ทำเรื่องเมืองคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) อย่างต่อเนื่อง และทำเรื่องปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ (Carbon Footprint) ไว้แล้ว หน้าที่เราคือทำยังไงที่จะสามารถลดได้ ซึ่งมีอยู่ 4 อย่าง คือ ลดการใช้รถยนต์ ลดการใช้พลังงานที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะและน้ำเสีย และปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มสีเขียว ซึ่งเป็นกิจกรรมหลัก คิดว่าการเสวนาในวันนี้จะได้แนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและสามารถทำให้กรุงเทพมหานคร ก้าวไปสู่ Net Zero ได้” นายชัชชาติกล่าว

Advertisement

สำหรับการประชุมเสวนาฯ ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ 2 คือ การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชน โดยแบ่งการบรรยายออกเป็น 2 ช่วง ดังนี้ ในช่วงเช้า บรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมด้านพลังงานเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของกรุงเทพมหานคร” โดย ผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน และผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม เสวนา ในหัวข้อ “มุมมองจากภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา ต่อภาพรวมด้านพลังงานเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของกรุงเทพมหานคร” ส่วนในช่วงบ่าย เป็นการเสวนา ในหัวข้อ “สถานการณ์ล่าสุดของแผนแม่บทกรุงเทพมหานครว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” และการเสวนา หัวข้อ “กรุงเทพมหานครและเมืองโยโกฮามาภายใต้โครงการความร่วมมือ City-to-City” โดยผู้ร่วมเสวนามากจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม ภาคีเครือข่ายของกรุงเทพมหานครในการดำเนินกิจกรรมปิดไฟ ลดโลกร้อน และภาคเอกชนที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในด้านการจัดการพลังงาน และด้านการขนส่ง รวมถึงภาคประชาชนและสถาบันการศึกษาต่างๆ

การเสวนาในครั้งนี้ นอกจากผู้เข้าร่วมประชุมจะได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งจะนำความรู้ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นการสร้างเครือข่ายในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะภาคเอกชนในด้านพลังงาน ซึ่งจะเป็นส่งเสริมการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ และพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับกรุงเทพมหานครและภาคเอกชน ทั้งจากประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนแล้ว กรุงเทพมหานคร ยังพยายามดำเนินการให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายใต้แผนแม่บทกรุงเทพมหานครว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.2564-2573 และได้ปรับการตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกใหม่ ในปี พ.ศ.2573 ที่ร้อยละ 19 เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงปารีส และสอดคล้องกับแผนระดับประเทศ ด้วยการจัดทำแผนแม่บทฯ ฉบับใหม่ สร้างความยั่งยืนในการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกรุงเทพมหานครต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image