สปสช.แจงเหตุเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชน พบเบิกจ่ายไม่ตรงข้อเท็จจริง ลั่น! แสนคนยังดูแล

สปสช.แจงเหตุเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชน พบเบิกจ่ายไม่ตรงข้อเท็จจริง ลั่น! แสนคนยังดูแล

วันที่ 19 กันยายน 2565 ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ และโฆษก สปสช. แถลงความคืบหน้ากรณี สปสช.ยกเลิกสัญญากับโรงพยาบาล (รพ.) เอกชน 9 แห่ง ในหัวข้อ “สปสช.ไม่ลอยแพผู้ป่วย แจงความพร้อมรองรับ หลังยกเลิกสัญญา รพ.เอกชน 9 แห่ง” ว่า สืบเนื่องจากกรณี สปสช.ได้ยกเลิกสัญญาบริการสาธารณสุข รพ.เอกชน ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 9 แห่ง เนื่องจากผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข พบเอกสารหลักฐานว่า รพ.เอกชน ทั้ง 9 แห่ง มีการเบิกค่าคัดกรองเมตาบอลิกไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงเป็นที่มาการยกเลิกสัญญาเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ และหน่วยบริการรับส่งต่อในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ทพ.อรรถพรกล่าวว่า โดย รพ.เอกชนทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ รพ.มเหสักข์, รพ.บางนา 1, รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด และ รพ.กล้วยน้ำไท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทองใน 9 รพ.ดังกล่าว ไม่ต้องกังวล สปสช.ได้มีแนวทางรองรับเพื่อให้สามารถใช้สิทธิบริการในระหว่างที่สิทธิว่างจากกรณีที่เกิดขึ้น โดยยังสามารถใช้สิทธิรักษาในหน่วยบริการปฐมภูมิเดิมของตนเองได้ และสามารถเข้าไปเลือกสิทธิหน่วยบริการที่รับการส่งต่อได้ผ่านทางสายด่วน 1330 หรือแอพพลิเคชั่น หรือไลน์ของ สปสช.

Advertisement

โฆษก สปสช.กล่าวว่า สำหรับประชากรสิทธิบัตรทองที่มีสิทธิใน 9 รพ. แยกดังนี้ ในการดูแลประชากรปฐมภูมิ 220,313 คน ข้อมูลจากปี 2564 ทั้งปี และปี 2565 (9 เดือน) พบว่า มีประชากรใช้บริการ 99,947 คน คิดเป็น ร้อยละ 45.36 ดูแลประชากรรับส่งต่อ 696,103 คน ในจำนวนนี้ จากข้อมูล 6 เดือนล่าสุด พบว่า มีประชากรใช้บริการ 18,200 คน หรือประมาณร้อยละ 2.61 ขณะเดียวกัน มีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จำนวน 22,246 คน โดย สปสช.ได้เตรียมความพร้อมรองรับ แบ่งออกเป็น

1.กลุ่มผู้ป่วยในที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ 9 รพ. รักษาต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา โดย รพ.จะยังได้รับค่าใช่จ่ายในการรักษาพยาบาลจาก สปสช.

Advertisement

2.กลุ่มผู้ป่วยที่มีนัดรักษาหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ได้แก่ นัดผ่าตัดต่างๆ หญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอดที่มีนัดทำคลอด ผู้ป่วยมะเร็งที่มีนัดรังสีรักษาและเคมีบำบัด ผู้ป่วยที่มีนัดตรวจอัลตราซาวด์ นัดตรวจซีทีสแกน (CT Scan) นัดตรวจ MRI ผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเร่งด่วน ในวันที่ 20 กันยายน 2565 สปสช.นัดหมายประชุมกับ รพ.เอกชนทั้ง 9 แห่ง ให้รักษาตามที่ได้นัดหมายต่อไป

“รวมถึงกรณีที่ผู้ป่วยถูกส่งต่อจาก 9 รพ.นี้ไปรักษาที่อื่น เช่น นัดตรวจและฟังผลอัลตราซาวด์อีก รพ.หนึ่ง ก็ใช้สิทธิได้เหมือนเดิมไปก่อนจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยเบิกจ่ายค่ารักษาจาก สปสช. ตามประกาศเหตุอันสมควร เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ป่วย และในระหว่างนี้ หากมีนัดหมายต่อไป สปสช.ได้ประสาน รพ.แห่งใหม่ไว้เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับรักษาต่อเนื่อง และจะประสานผู้ป่วยโดยตรงต่อไป” ทพ.อรรถพรกล่าว

โฆษก สปสช.กล่าวอีกว่า 3.กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ ที่มีนัดตรวจติดตามอาการและรับยาต่อเนื่องหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ไปรักษาที่คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรม และศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้านที่ไหนก็ได้ ทั้งนี้ สปสช.จัดเตรียมรายชื่อหน่วยบริการเพื่อให้ทราบว่าไปที่ไหนได้บ้าง ผู้ป่วยสามารถไปติดต่อที่หน่วยบริการดังกล่าวได้เอง หรือโทรไปที่สายด่วน สปสช. 1330 กด 6 เพื่อสอบถามรายชื่อหน่วยบริการใกล้บ้านที่สามารถไปรักษาได้และให้สายด่วน 1330 ประสานการรักษาต่อได้

4.ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยวัณโรคที่ต้องรับยาต่อเนื่อง ไปรักษาที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง หรือ รพ.ของรัฐใกล้บ้าน ในส่วนของผู้ติดเชื้อเอชไอวี สามารถไปรับยาและตรวจติดตามอาการได้ที่หน่วยบริการที่ให้บริการได้ เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุข ศูนย์การแพทย์บางรัก (คลินิกบางรัก) สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และพริบตา แทนเจอรีน สหคลินิก เป็นต้น

“ทั้งนี้ สำหรับผู้ป่วยไตที่มีนัดฟอกไตกับทั้ง 9 รพ.เอกชนนี้ และผู้ป่วยที่มีนัดผ่าตัดหัวใจ สวนหัวใจใส่บอลลูน ใส่สเต็นท์ ยังคงรับบริการได้ตามนัดเหมือนเดิม เนื่องจากการยกเลิกสัญญาไม่ได้รวมถึงการให้บริการด้านฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และบริการด้านการทำหัตถการรักษาโรคหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวน” ทพ.อรรถพรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีประชาชนสิทธิบัตรทองที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มโรคดังกล่าว หรือไม่ได้ป่วยจะทำอย่างไร ทพ.อรรถพรกล่าวว่า ขอให้ตรวจสอบสิทธิการรักษา แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

1.ผู้ที่สถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเบื้องต้น (หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ) และสถานพยาบาลที่รับการส่งต่อ (หน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป) เป็น 1 ใน 9 รพ.เอกชน ขอให้ท่านลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการแห่งใหม่ที่อยู่ในเขตพื้นที่หรือใกล้บ้าน ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง คลินิกชุมชนอบอุ่น 214 แห่ง และหน่วยบริการปฐมภูมิของ รพ.ต่างๆ โดยลงทะเบียนเลือกได้ทางแอพพ์ สปสช. อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่มีหน่วยบริการในเขตพื้นหรือใกล้บ้านให้เลือกลงทะเบียน ขออย่ากังวลใจ เพราะขณะนี้ สปสช.อยู่ระหว่างการเร่งจัดหาหน่วยบริการเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป หากเกิดภาวะเจ็บป่วยท่านก็ยังใช้สิทธิบัตรทองรักษาได้ โดยเข้ารับบริการที่ทุกหน่วยบริการปฐมภูมิทุกแห่งในระบบบัตรทอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

2.ผู้ที่สถานพยาบาลเข้ารับการรักษาเบื้องต้น (หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ) เป็นคลินิกเอกชนหรือศูนย์บริการสาธารณสุข ที่ไม่ใช่ รพ. 9 แห่งนี้ และมีสถานพยาบาลที่รับการส่งต่อ (หน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป) ระบุว่า เป็น 1 ใน 9 รพ.เอกชน เมื่อเจ็บป่วยท่านยังคงเข้ารับการรักษาได้ตามรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเบื้องต้นตามสิทธิได้เช่นเดิม กรณีที่จะต้องถูกส่งต่อไปรักษายังสถานพยาบาลอื่น สปสช.ได้ประสานงานให้ส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่ได้จัดหาเพิ่มให้

ทพ.อรรถพรกล่าวอีกว่า ประชาชนที่มีสิทธิบัตรทองใน รพ. 9 แห่งนี้ ไม่ต้องกังวล ในระหว่างนี้ที่เป็นสิทธิว่าง สามารถรับบริการใน รพ.ระบบบัตรทองได้หมด โดยเฉพาะหน่วยบริการปฐมภูมิ ส่วนกรณีเคสฉุกเฉินนั้น หากเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤตก็จะอยู่ในเกณฑ์ของโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตเข้าได้ทุกที่ หรือยูเซ็ป (UCEP) แต่หากเจ็บป่วยฉุกเฉิน ไม่เข้าเกณฑ์ยูเซ็ปก็สามารถรับบริการในระบบบัตรทองได้ทุกแห่ง อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถเลือกเปลี่ยน รพ.ได้ตามช่องทางของ สปสช. และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองทั้ง 9 รพ. สปสช.ได้เปิดสายด่วน 1330 กด 6 เพื่อให้ผู้ป่วยติดต่อประสานเพื่อดำเนินการต่อไป หรือช่องทางออนไลน์ ทั้งไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 หรือแอพพ์ สปสช. เฟซบุ๊ก: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand และไลน์ทราฟฟี่ฟองดูว์ พิมพ์ไลน์ไอดี @traffyfondue หรือคลิก https://lin.ee/nwxfnHw

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่หน่วยบริการดังกล่าวทำผิดสัญญาจากความบกพร่องในเรื่องของการข้อมูล ทพ.อรรถพรกล่าวว่า เรื่องนี้มีระบบการตรวจสอบ ซึ่งหากมีการเคลียร์ข้อมูลแล้ว และพิสูจน์สิ่งต่างๆ แล้วเสร็จก็สามารถกลับมาเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อเช่นเดิมได้ ทาง สปสช.ไม่ได้ปิดกั้น แต่จะมีเกณฑ์กำหนดชัดเจน

ต่อข้อถามว่า มีคำถามกรณี สปสช.มีการยกเลิกหน่วยบริการลักษณะนี้ เป็นเพราะอะไร ทพ.อรรถพรกล่าวอีกว่า สปสช.มีระบบการตรวจสอบ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการพิทักษ์สิทธิให้ประชาชนสิทธิบัตรทองที่อยู่ในหน่วยบริการนั้นๆ ส่วนหากกรณีที่เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดของข้อมูลหรือไม่ หรือมาจากอะไรก็ตามนั้น ก็มีระบบตรวจสอบชัดเจนอยู่ สิ่งเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image