ชัชชาติเสียใจเหตุกราดยิงศูนย์เด็กเล็ก จ่อคุย ‘อดิศร์-นิพัทธ์’ ถอดบทเรียนเข้มความปลอดภัย
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 6 ตุลาคม ที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ชั้น 1 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี แถลงภายหลังประชุมหารือในประเด็นหลัก 4 เรื่องคือ เรื่องน้ำท่วม ฝุ่น PM2.5 การจราจร และผังเมือง
โดยในตอนหนึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีเหตุคนร้ายเข้าไปก่อเหตุกราดยิงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จะต้องมีการทบทวนแผนการป้องกันเหตุหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ผมว่าควรทบทวนไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้แล้ว เพราะว่าเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด แต่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้อีก เหมือนเป็นสิ่งที่เลียนแบบกัน ก็อาจเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น คงต้องมีมาตรการเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น แต่คงไม่ใช่แค่เรื่องกราดยิง ผมว่าความเสี่ยงต่างๆ อาจต้องทบทวนกันอีกครั้งหนึ่ง
“จริงๆ เราเริ่มแล้วตั้งแต่อุบัติเหตุทางถนน ซึ่งเราพยายามให้เทศกิจมาดูแลการเดินทางบ้าง หรือแม้กระทั่งเรื่องกัญชา เรื่องใบกระท่อม จริงๆ แล้วเหตุการณ์แบบนี้ต้องเพิ่มเข้าไปซักซ้อมให้ดียิ่งขึ้นว่าใครจะเขาไปในโรงเรียนคงต้องดู โดยเฉพาะคนที่เรารู้จัก หรือว่าไว้ใจ เรื่องอาวุธคงไม่ใช่การตรวจง่ายๆ แล้ว คงไปดู
“แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก ต้องแสดงความเสียใจกับผู้ประสบเหตุด้วย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลย” นายชัชชาติกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการทำเป็นแผนดูแลความปลอดภัยในโรงเรียนหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า หากหารือกับผู้ที่รู้เรื่องละเอียด คงเป็นด้านสายความมั่นคง อย่าง พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. พรุ่งนี้คงหารือกัน ถอดบทเรียนทำอย่างไรให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
“กทม.เราเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตเด็ก พ่อแม่เขาก็ฝากไว้ให้เราดูแลช่วงกลางวัน คงต้องสร้างความมั่นใจให้คุณพ่อคุณแม่ให้ได้ ผมว่าพ่อแม่คงกังวลมากในเรื่องนี้ รวมถึงศูนย์เด็กเล็กด้วย ส่วนใหญ่เป็นที่เปราะบางเพราะว่าในโรงเรียนมีคุณครู ครูผู้ชาย เทศกิจอะไรอยู่หน้าโรงเรียน อาจมีคนมาช่วยเราได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูผู้หญิง ต้องดูแลเด็ก เพราะอย่างนั้นไปซ้อมก็ซ้อมไม่ได้เพราะเขายังเด็ก ต้องให้อาสาเป็นผู้ดูแล” นายชัชชาติกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีกฎระเบียบอะไรของโรงเรียนในสังกัด กทม.หรือไม่ เช่น การห้ามพกอาวุธ นายชัชชาติกล่าวว่า พกอาวุธคงห้ามอยู่แล้ว คงต้องไปทบทวนอีกภายหลังเพราะอย่างไรเด็กก็ห้ามพกอาวุธมาโรงเรียนอยู่แล้ว แต่ตัวผู้ปกครองก็ยากเหมือนกัน อาจต้องตั้งโซนให้ดี ปกติไม่ให้ผู้ปกครองเข้าไปในโรงเรียนอยู่แล้ว จะมีโซนให้มารับ พ่อแม่ต้องติดบัตรประจำตัวให้ชัดเจน ขณะเดียวกันไม่แน่ใจว่าคนที่ก่อเหตุเป็นผู้ปกครองหรือไม่ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าเป็นก็อาจดูแลยุ่งยากยิ่งขึ้น อาจต้องดูในรายละเอียดภายหลัง
“แค่เห็นรูปก็เศร้าใจมากแล้ว คิดถึงหัวอกพ่อแม่” นายชัชชาติกล่าว
