ศูนย์จีโนมฯ เผยข้อมูล หลายประเทศเริ่มคลายกังวลการระบาดของโควิด-19

ศูนย์จีโนมฯ เผยข้อมูล หลายประเทศเริ่มคลายกังวลการระบาดของโควิด-19

วันนี้ (30 ตุลาคม) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อัพเดตสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลก ว่าหลายประเทศเริ่มคลายความกังวลเมื่อ องค์การอนามัยโลก, ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป, สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร และ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ได้อัพเดตสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BQ.1 ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ อัพเดตสถานการณ์การระบาดของเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย XBB ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อที่อาการรุนแรง
ทั้งนี้ ข้อความระบุว่า หลายประเทศเริ่มคลายความกังวลเมื่อองค์การอนามัยโลก (WHO), ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (the European Center for Disease Prevention and Control: ECDC), สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (the United Kingdom’s Health Security Agency:HSA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Centers for Disease Control and Prevention: U.S. CDC) ได้อัพเดตสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BQ.1 ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์อัพเดตสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย XBB
WHO โดยหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของภารกิจโควิด-19 ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์คอฟ ได้แถลงอัพเดตสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย XBB และ BQ.1 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ดังนี้
-WHO และภาคีทั่วโลกได้เฝ้าติดตามโอมิครอนกลายพันธุ์สายพันธุ์ย่อยที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างใกล้ชิด พบว่ากว่าร้อยละ 80 ของตัวอย่างส่งมาถอดรหัสพันธุกรรมที่ห้องปฏิบัติการทั่วโลกยังคงเป็นโอมิครอนสายพันธุ์ BA.5
-WHO และชาติสมาชิกพบว่าโอมิครอนซึ่งจัดเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variant of concern: VOC) ได้มีการกลายพันธุ์ไปมากกว่า 300 สายพันธุ์ย่อย ทำให้ WHO ได้เพิ่มหมวดใหม่ให้กับระบบติดตามโอมิครอนคือ “โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ควรเฝ้าติดตาม (Omicron subvariants under monitoring)” เช่น BQ.1 และ XBB เพื่อส่งสัญญาณไปยังหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกได้ร่วมติดตามเฝ้าระวังโอมิครอนสายพันธุ์เหล่านี้เป็นพิเศษว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนทั่วโลกหรือไม่เมื่อเทียบกับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่น โดยหากพบว่าสายพันธุ์เหล่านี้ มีลักษณะพันธุกรรมจีโนมและสามารถก่อโรคที่รุนแรงต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม WHO อาจพิจารณาตั้งชื่อเรียกใหม่
-จากการถอดรหัสพันธุกรรมโอมิครอนทั่วโลก WHO และเครือข่ายพบโอมิครอน 2 สายพันธุ์ย่อย “XBB” และ “BQ.1” ที่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอมิครอนทุกสายพันธุ์ในปัจจุบัน แต่ไวรัส 2 สายพันธุ์ย่อยดังกล่าวยังคงมีการแพร่ระบาดในระดับต่ำ (low level of circulation) กล่าวคือ เพิ่มจำนวนอย่างช้าๆ เมื่อเทียบกับโอมิครอน BA.5
-โอมิครอน XBB เป็นสายพันธุ์ลูกผสม (recombinant) ระหว่าง BA.2.10.1 และ BA.2.75 ในขณะที่โอมิครอน BQ.1 เป็นเหลนของ BA.5
-เป็นที่น่ายินดีที่ทั่วโลกยังไม่พบผู้ติดเชื้อโอมิครอน XBB หรือ BQ.1 ที่มีอาการรุนแรงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นหรือแตกต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม เช่น BA.1, BA.2, BA.4 และ BA.5 อย่างมีนัยสำคัญ
-แต่ WHO มิได้ประมาทยังคงร่วมมือกับชาติสมาชิกเฝ้าติดตามการแพร่ระบาดของโอมิครอนทุกสายพันธุ์ย่อยอย่างใกล้ชิดต่อไป
-WHO เน้นย้ำว่าการตรวจวินิจฉัยด้วย ATK, PCR, และการถอดรหัสพันธุกรรมยังคงดำเนินการได้เป็นปกติกับโอมิครอน BQ.1 และ XBB
-วัคซีนยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิมในการป้องกันการติดเชื้อที่เจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตกับบรรดา “โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ควรเฝ้าติดตาม (Omicron subvariants under monitoring) BQ.1 และ XBB
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (the European Center for Disease Prevention and Control: ECDC) และ สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (the United Kingdom’s Health Security Agency: HSA) แสดงข้อมูลตรงกันว่าจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เริ่มลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว ประมาณร้อยละ 2
ดร.แมรี แรมซีย์ (Mary Ramsay) ผู้อำนวยการ HSA กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ลดลงชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการส่งเสริมการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างนั้น มีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 10 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เธอเตือนประชาชนว่าอย่าเพิ่งนอนใจ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยต่างๆ อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน
ดร.อเล็กซ์ เซลบี้ (Alex Selby) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้คำนวณอัตราการเพิ่มจำนวนของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยต่างๆ และจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวใน รพ. และเสียชีวิตเนื่องจากโควิด-19 ในอังกฤษ คาดการณ์ (จากการคำนวณ) ว่าจากนี้จนถึงปลายปี 2565 “ไม่น่าจะมีการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ (ในอังกฤษ)” จากโอมิครอน เพราะในขณะนี้ดูเหมือนสายพันธุ์ย่อยที่ก้าวร้าวที่สุด (BQ.1.1, XBB.1 …) มีการเพิ่มจำนวนอย่างช้าๆ ในขณะที่โอมิครอน BA.5 ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Centers for Disease Control and Prevention: U.S. CDC) รายงานว่า สัดส่วนโอมิครอน BA.5 และ BA.4.6 ลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ ร้อยละ 49.6 และร้อยละ 9.6 ในขณะที่ BQ.1 และ BQ.1.1 เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นร้อยละ 14 และร้อยละ 13.1 ตามลำดับ โดยจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. และเสียชีวิตจากการติดเชื้อโอมิครอนมิได้เพิ่มขึ้น
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอน และโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย XBB ประจำสัปดาห์ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลความรุนแรงของการเกิดโรค (severity) จากข้อมูลในรอบ 28 วันของประเทศสิงคโปร์ที่ผ่านมา
พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 177,904 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการไม่รุนแรงแยกตัวอยู่บ้านร้อยละ 99.7 ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและต้องให้ออกซิเจน ร้อยละ 0.2
ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู (ICU) ร้อยละ 0.04 และผู้ที่เสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19 จำนวนเพียง ร้อยละ 0.02
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนประชากรสิงคโปร์ที่ติดเชื้อ XBB อย่างรุนแรงและเสียชีวิตมีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ BA.5 ที่ระบาดมาก่อนหน้านี้ เป็นเพราะประชากรสิงคโปร์ได้รับวัคซีนครบโดส ร้อยล 92, ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถึงร้อยละ 80 โดยกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image