สธ.เผยโควิดไทยแนวโน้มลด ผู้เสียชีวิต 97% เป็นกลุ่มสูงวัย-โรคเรื้อรัง ห่วงเด็กเล็กไม่ได้วัคซีน
วันที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในหลายประเทศแถบยุโรปและเอเชียเป็นช่วงขาลง สำหรับประเทศไทยสถานการณ์มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 23-29 ตุลาคม 2565 มีผู้ป่วยรายใหม่ 2,551 ราย เฉลี่ยวันละ 364 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 320 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 164 ราย และผู้เสียชีวิต 33 ราย เฉลี่ยวันละ 4 ราย โดยผู้เสียชีวิต ร้อยละ 97 เป็นผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ในจำนวนนี้ยังไม่ได้รับวัคซีน/ได้รับวัคซีนไม่ครบ/ไม่ได้รับเข็มกระตุ้นถึง ร้อยละ 76 ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อยังมาจากกิจกรรมการรวมกลุ่มคนและไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย
นพ.โอภาสกล่าวว่า กรมควบคุมโรคยังติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงฤดูหนาวนี้ พร้อมทั้งเฝ้าระวังสัญญาณการแพร่ระบาด ทั้งในสถานพยาบาล การระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อน กลุ่มเสี่ยง/พื้นที่เสี่ยง และการตรวจหาสายพันธุ์กลายพันธุ์
“ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ การติดเชื้อในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-วันที่ 29 ตุลาคม 2565 พบว่า กลุ่มเด็กเล็กอายุ 0-4 ปี ติดเชื้อถึง 121,388 ราย ปอดอักเสบ 1,422 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 382 ราย และเสียชีวิต 69 ราย นอกจากจะติดเชื้อสูงกว่าเด็กช่วงวัยอื่น ยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าถึง 3 เท่าด้วย” นพ.โอภาสกล่าว และว่า ดังนั้น สธ.จึงยังคงเดินหน้ารณรงค์การให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง และกลุ่มเด็กเล็ก 6 เดือน ถึง 4 ปี ซึ่งหากเกิดการติดเชื้อจะมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตสูงกว่ากลุ่มอื่น โดยขอให้ไปรับวัคซีนได้ตามความสมัครใจ ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเร่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสก่อโรคเพิ่มสูงขึ้น
