ชุมชนมุสลิม ปลื้ม! นายกรัฐมนตรีนำคณะฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ สำเร็จ

ชุมชนมุสลิม ปลื้ม! นายกรัฐมนตรีนำคณะฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ สำเร็จ

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “วันรวมใจ สู่นูรุ้ลฮิดายะห์ (แสงประทีป)” โดยมี นายมีศักดิ์ อิทธิธนากุลชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ละหาร นายจำลอง ช่วยรอด คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการจัดงาน เข้าร่วม ที่มัสยิดนูรุ้ลฮิดายะห์ (แสงประทีป) ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบที่มีอยู่กว่า 22 ล้านคน เพราะแรงงานทุกคนถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

 

Advertisement

“ที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามผลักดันโครงการเยียวยาต่างๆ ให้ครอบคลุมแรงงานทุกกลุ่มทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งในส่วนของแรงงานนอกระบบได้มีโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง แท็กซี่ หาบเร่แผงลอย นักร้อง นักดนตรี ผู้ที่ทำงานในกิจการสถานบันเทิง ใน 29 จังหวัด คนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน เป็นเงินเกือบ 60,000 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ. … ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 9) มีกองทุนเพื่อแรงงานนอกระบบใช้เพื่อเป็นแหล่งเงินกู้มีทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ ซึ่งจะทำให้พี่น้องแรงงานนอกระบบมีหลักประกันทางสังคมและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น” นายสุชาติกล่าว

 

Advertisement

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนให้มีความเข้มแข็ง อันจะเป็นการยกระดับให้ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

“กระทรวงแรงงานยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ให้มัสยิดและการบำรุงการศึกษาภาคศาสนา ที่จะเป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อสังคม เพื่อให้ลูกหลานเยาวชนได้ศึกษาหลักธรรมคำสอนของศาสนา เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ มีคุณธรรม และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมือง สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ซึ่งเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จสถานที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนอีกแห่งหนึ่ง ที่จะเกิดประโยชน์แก่ลูกหลานของคนในชุมชนในอนาคตอีกด้วย” นายสุชาติกล่าว

ด้าน นายมีศักดิ์กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะไปฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียสำเร็จ จนสามารถทำให้ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเช่นเดิม พี่น้องชาวมุสลิมก็สามารถเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image