สธ.จ่อเปิดศูนย์ตรวจสอบ-รับร้องเรียนเคส “หมอเถื่อน” โดยเฉพาะ พร้อมปฏิบัติการเร็วๆ นี้
วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2565) นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นแพทย์มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือ เป็นพยาบาลผู้ช่วยแพทย์ ที่มีความสามารถในการฉีดสารเติมเต็มบนใบหน้า เดินสายฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ และอื่นๆ ให้บริการกับประชาชน โดยทำการตลาดโปรโมชั่นในราคาถูก ว่า โดยปกติแล้ว สบส.จะได้รับร้องเรียนจากประชาชนกรณีต่างๆ ประมาณเดือนละ 70 เรื่อง ส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของการให้บริการเถื่อน เช่น คลินิกเถื่อน หมอเถื่อน คือ ผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่รับฉีดโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ให้กับประชาชนนอกสถานพยาบาล ประมาณเดือนละ 3-4 เรื่อง ซึ่งระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา สบส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ได้ดำเนินการจับกุมประมาณ 4-5 ราย
“ถือว่ายังไม่มาก เพราะทางเราต้องรอให้ประชาชนร้องเรียนมาก่อน ถึงจะทำการล่อซื้อได้ ส่วนใหญ่จะนัดหมายผ่านออนไลน์แล้วไปฉีดให้ตามคอนโดมิเนียม หรือบ้านของผู้เสียหาย” นพ.สุระกล่าว และว่า กรณีที่แพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทำงานอยู่ในสถานพยาบาลหนึ่ง แล้วนำเอายาเหล่านี้ออกไปฉีดให้บริการกับประชาชนภายนอกสถานที่ ก็มีความผิดอยู่ดี เพราะไม่ได้เป็นการปฏิบัติวิชาชีพในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีมาตรการอย่างไรเพิ่มเติม เนื่องจาก “หมอเถื่อน” มีเพิ่มขึ้น ส่วนประชาชนเองก็เต็มใจไปรับบริการ เพราะมีแรงจูงใจจากราคาที่ถูก นพ.สุระกล่าวว่า อันดับแรกต้องทำความเข้าใจให้ประชาชนเข้าใจว่า การไปฉีดยาในสถานที่มีความเสี่ยง หากเกิดเหตุอะไรขึ้น มีภาวะแทรกซ้อน อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตได้ทัน เรื่องต่อไปคือ ผู้ที่ไม่ได้เป็นแพทย์ ไม่ได้มีทักษะที่ถูกต้อง เมื่อฉีดไปแล้วอาจจะทำให้มีอันตราย เช่น ตาบอด ขณะเดียวกัน สบส. และ อย. มีกลไกในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน เพื่อตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. มีนโยบายเรื่องนี้ สบส.จึงได้จัดสรรงบประมาณจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี” แยกออกมาจากศูนย์รับร้องเรียนอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนแจ้งเรื่องเข้ามาและดำเนินการได้อย่างทันท่วงที ทั้งเรื่องคลินิกเถื่อน หมอเถื่อน คาดว่า จะเปิดทำการศูนย์ฯ ดังกล่าว ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ภายในเดือนธันวาคม หรืออย่างช้าเดือนมกราคม 2566
