บิ๊กตู่ เปิดงานวันคนพิการสากลฯ นายกสมาคมคนพิการฯ ขอเพิ่มเบี้ยถ้วนหน้าเป็น 1,000 บาท
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด “การปฏิรูปสู่การพัฒนาเพื่อคนทั้งมวล : พลังนวัตกรรมสู่โลกที่เข้าถึงได้และเป็นธรรม” พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่คนพิการต้นแบบ องค์กร และหน่วยงานที่สนับสนุนงานด้านคนพิการ จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. รวมถึงคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ผู้แทนองค์การสหประชาชาติ คนพิการ ครอบครัวคนพิการ เข้าร่วมงาน ว่า เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องดูแลให้มากที่สุด ซึ่งข้อเรียกร้องต่างๆ ตนได้จดไว้แล้วและจะไปติดตามที่รมว.พม.และปลัดพม.
นายกฯ กล่าวอีกว่า รู้สึกตื่นตัน โอกาสท่านน้อยกว่าคนอื่นแต่ก็พยายามสู้ชีวิตจนถึงวันนี้ไม่ได้มาง่ายๆ แต่ทำไมคนครบ 32 ไม่ทำแบบเขา แค่ทำสิ่งดีๆ ที่ถูกต้อง ก็ขอฝากไว้ หากมีจิตใจเข้มแข็งความพิการก็ไม่เป็นอุปสรรค อาจไม่เหมือนคนอื่น แต่หากได้รับการดูแล ได้กำลังใจซึ่งกันและกันก็อยู่ได้ คนปกติต้องเผื่อแผ่ให้กำลังใจช่วยเหลือทุกโอกาสที่ทำได้ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ วันนี้รัฐบาลพยายามสร้างโอกาส สร้างความเท่าเทียม มุ่งสู่สังคมแห่งความเท่าเทียม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เรามีคน 70 ล้านคน ยอด 3 ล้านกว่าที่เป็นคนพิการ ขณะเดียวกันโลกก็เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องสร้างความเข้มแข็ง สุขภาพต้องทำให้ดีขึ้น
รัฐบาลได้มอบหมายให้ พม.ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการปฏิรูปการขึ้นทะเบียนคนพิการ เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงการขึ้นทะเบียนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การพัฒนาระบบบริการคนพิการผ่านกลไกศูนย์บริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ ที่โรงพยาบาล จังหวัดละ 1 แห่ง การพัฒนาระบบแอปพลิเคชั่น “บัตรประจำตัวคนพิการดิจิทัล” นอกจากนี้ มีการพัฒนาและส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำกว่า 70,000 ราย การปรับปรุงภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้กับคนพิการ กว่า 3,000 ราย และริเริ่มโครงการจัดหาครอบครัวอุปการะให้กับคนพิการที่ไม่มีผู้ดูแล
“เราจะทำดีขึ้นๆ วันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ อาทิตย์นี้ต้องดีกว่าอาทิตย์หน้า ปีนี้ต้องดีกว่าปีหน้า เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจทำตรงนี้ เราทำเพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ ไม่มุ่งหวังอะไรทั้งสิ้น ขอชื่นชมด้วยใจจริงที่ได้เห็นทุกท่านไม่ยอมแพ้อุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น ขอบคุณผู้สนับสนุนที่ดูแลช่วยเหลือคนเหล่านี้ นี่คือกุศลที่ทำให้คนเป็นที่มีชีวิตอยู่ให้อยู่ได้ กุศลของท่านที่ทำก็ขอให้ได้รับความสุข สุขภาพแข็งแรง เพราะผมก็ตั้งใจทำกุศลให้คนอื่น เราจะได้ไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
ด้าน นายศุภชีพ ดิษเทศ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย อ่านสารวันคนพิการสากล ประจําปี 2565 ใจความตอนหนึ่งระบุว่า เพื่อให้โลกใบนี้เป็นสถานที่ๆ ทุกคน รวมถึงคนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิ ได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรม โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ฉะนั้นขอเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรี รัฐบาล ภาคเอกชน และองค์กรด้านคนพิการ ร่วมกัน ผลักดันประเด็นสําคัญเหล่านี้ เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาเพื่อคนทั้งมวล ซึ่งหมุดหมายสําคัญเหล่านี้ ก็สอดคล้อง และมาจากมติสมัชชาเครือข่ายคนพิการระดับชาติที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 มี 5 ประการ อาทิ ขอให้รัฐบาลนี้ ปรับสวัสดิการเบี้ยความพิการเพิ่มจากเดือนละ 800 บาทเป็น 1,000 บาทให้ คนพิการถ้วนหน้าทุกคน เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลนี้ที่จะสร้างความเท่าเทียม เป็นธรรมแก่คนพิการ รวมถึงจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนพิการด้วย
ด้าน นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม.กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการที่ได้รับการออกบัตร ประจําตัวคนพิการมีจํานวน 2,138,155 คน คิดเป็นร้อยละ 3.07 ของประชากรทั่วประเทศ และพบว่าคนพิการที่มีอายุมากว่า 60 ปี หรือคนพิการสูงอายุมีจํานวน 1,205,184 คนหรือร้อยละ 56.37 ของจํานวนคนพิการทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ระบุว่าในปี 2571สังคมไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ และจากสถิติของผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น พบแนวโน้มว่าจะมีความเสี่ยงที่จะมีความพิการร่วมด้วย
พม. ตระหนักถึงความสําคัญในการเตรียมความพร้อมสําหรับการเพิ่มขึ้นของคนพิการในอนาคต จึงเร่งส่งเสริมให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการขั้นพื้นฐานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยการนําเทคโนโลยี เข้ามาประยุกต์ใช้ในการให้บริการคนพิการผ่านระบบการยื่นคําขอ มีบัตรประจําตัวคนพิการออนไลน์ เชื่อมโยงกับศูนย์บริการคนพิการ แบบเบ็ดเสร็จ ณ โรงพยาบาล และแอปพลิเคชั่นบัตรประจําตัวคนพิการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ในพัฒนาให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลในอนาคต
