สปสช.-สสส.สานพลังภาคีท้องถิ่น 55 แห่งทั่วปท. พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย 13.3 ล้านคน

สปสช.-สสส.สานพลังภาคีท้องถิ่น 55 แห่งทั่วปท. พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย 13.3 ล้านคน

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) ร่วมกับ กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ ศูนย์วิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (ศวช.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนผู้สูงอายุตำบล และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น เพื่อบูรณาการการใช้ข้อมูลของพื้นที่สู่การแก้ปัญหาผู้สูงอายุท้องถิ่น โดยมี ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 รองผู้จัดการกองทุน สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. และภาคีเครือข่ายเข้าร่วมในครั้งนี้

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต กล่าวว่า ไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ สผผ. ได้ประสานความร่วมมือกับ สสส. และ ศวช. ขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ให้เข้มแข็ง และมีศักยภาพในการจัดระบบการบริการสาธารณะ จากการวิเคราะห์ถอดบทเรียนการทำงานของ สสส. กับแผนพัฒนาผู้สูงอายุแห่งชาติ รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการปี 2564 พบว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย จึงกำหนดแนวทางการศึกษาระบบกลไกระดับพื้นที่ 3 ระดับ 1.ระดับตำบล มี อปท.ในพื้นที่และทุนทางสังคม ศูนย์การเรียนรู้ หน่วยบริการสุขภาพ ศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ธนาคารเวลา และศูนย์ฝึกอบรมระบบต่าง ๆ 2.ระดับอำเภอ มีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ส่งเสริม และเชื่อมประสานหน่วยงาน ช่วยสนับสนุน อปท. และเครือข่ายระดับตำบลให้สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น 3.เชื่อมประสานระดับจังหวัด เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ท้องถิ่นจังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมรองรับสังคมสูงวัยให้ครอบคลุมทุกมิติ นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต ดูแลผู้สูงอายุให้ครอบคลุมทั่วถึง และเหมาะสมกับบริบทแต่ละพื้นที่ต่อไป

“สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการ โดยมีหน่วยงานภาคียุทธศาสตร์ ให้การสนับสนุนและร่วมให้ข้อคิดเห็นในเวทีพัฒนานโยบาย พร้อมทั้งมีหน่วยสนับสนุนทางวิชาการจากภาคส่วน สสส. ร่วมกันประสานการทำงานให้ได้บทสรุปและข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ โดยศึกษาจากหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่สู่ข้อเสนอเชิงปฏิบัติ และข้อเสนอเชิงนโยบายต่อหน่วยงานของรัฐ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชนท้องถิ่น” นายสมศักดิ์ กล่าว

Advertisement

ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อมูลจาก สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) พบว่าในปี 2564 ประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี มีจำนวนสูงขึ้นถึง 13.3 ล้านคน หรือ ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ พบปัญหาสำคัญ คือ ผู้สูงอายุ ร้อยละ 95 มีโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุมีแนวโน้มภาวะสมองเสื่อมจำนวนเพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวลำพังในครัวเรือนถึง ร้อยละ 10.8 อยู่ลำพังกับคู่สมรส ร้อยละ 23.3 และแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในด้านเศรษฐกิจผู้สูงอายุ ร้อยละ 34.3 มีฐานะยากจน ร้อยละ 34 ยังคงทำงาน โดยมีเพียงร้อยละ 18.5 ต้องการทำงานด้วยความสมัครใจ นอกจากนี้ ในด้านสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินชีวิต พบว่า มีผู้สูงอายุเสียชีวิตจากการพลัดตก หกล้ม ปีละ 900-1,000 คน โดยมีผู้สูงอายุ ร้อยละ 10 เคยหกล้ม สะท้อนให้เห็นว่าจะต้องตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ปัญหา และจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุอย่างจริงจัง

“ความร่วมมือครั้งนี้แสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริม สนับสนุน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบ กลไก และนวัตกรรม นำนโยบายการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุสู่การสร้างปฏิบัติการในพื้นที่ สอดรับกับสถานการณ์ รองรับสังคมสูงวัยในปัจจุบัน โดย สสส. สนับสนุนองค์ความรู้ ส่งเสริม และสนับสนุนให้ อปท.พัฒนารูปแบบ และระบบการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ อาทิ การพัฒนาศักยภาพชมรมผู้สูงอายุต้นแบบ ขยายผล และผลิตชุดความรู้สำหรับกิจกรรมในโรงเรียนผู้สูงอายุ จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่เกี่ยวข้องเพื่อหนุนเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เกิดพื้นที่ตัวอย่างด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่นจำนวน 55 แห่ง ทั่วประเทศ รวมถึงยกระดับเป็น ศูนย์เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุโดยชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนร่วมกับ สผผ. ผส. สปสช. สถ. สังเคราะห์และถอดบทเรียน สรุปความรู้ที่ได้จากพื้นที่ทดลองตัวอย่าง เพื่อให้ได้ข้อมูลจากพื้นที่จริง พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ เชิงนโยบายเชิงปฏิบัติที่ เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน” ดร.ประกาศิต กล่าว

Advertisement

นายยาการียา ซิมะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บาโงย อ.รามัน จ.ยะลา กล่าวว่า องค์ความรู้การดูแลผู้สูงอายุ ของ สสส. สามารถต่อยอดงานและกิจกรรมได้หลากหลาย เกิดประโยชน์กับชุมชนโดยตรง สามารถจัดการ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนได้ เกิดการเปลี่ยนแปลงในการจัดการสังคมที่มีทุนทางสังคม ได้แก่ 1.พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในรูปแบบ “โรงเรียนผู้สูงอายุบาโงยซือญาตี” รองรับชุมชนผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ มีสวัสดิการให้ครอบคลุมกับจำนวนผู้สูงอายุในชุมชน เกิดความเท่าเทียมและความเสมอภาคทุกระดับ ทุกกลุ่มวัย 2.เกิดภาคีเครือข่าย ร่วมขับเคลื่อนงานกิจกรรมชุมชน อาทิ ผู้นำท้องถิ่น หน่วยงานราชการ ผู้นำศาสนา รพ.สต., อสม., ปราชญ์ชาวบ้าน, ครูจิตอาสา และชมรมสุขภาพ 12 ชมรม โดยชุมชนใน ต.บาโงย มีวิถีดั้งเดิม อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยการดึงเด็กและเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม ก่อให้เกิดความรักความผูกพันกับชุมชน สร้างกิจกรรมให้ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image