สาธิต เปิดจุดบูสต์วัคซีนโควิด-19 จับมือ “พารากอน-ไอคอนสยาม” บริการปชช.จนถึง 26 ธ.ค. สร้างภูมิฯ ก่อนปีใหม่

สาธิต เปิดจุดบูสต์วัคซีนโควิด-19 จับมือภาคเอกชน “พารากอน-ไอคอนสยาม” บริการปชช.จนถึง 26 ธ.ค. สร้างภูมิฯ ก่อนปีใหม่ ด้าน ตำรวจเตรียมความพร้อม 4 พันนาย อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทางพร้อมตรวจความเร็วทุกจุด

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการ “สยามรวมใจ เติมความสุข เติมภูมิคุ้มกัน” โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โรงพยาบาลธนบุรี และกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เข้าร่วม

นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ของไทยมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิดเพื่อลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ประกอบกับช่วงใกล้ปีใหม่ประชาชนมีความต้องการรับวัคซีนเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน วันนี้จึงเป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการเปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาล ที่ห้างพารากอน เป็นวัคซีนทั้งไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้าให้บริการประชาชนฟรี ภายใต้โครงการ สยามรวมใจ เติมความสุข เติมภูมิคุ้มกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป และสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้สูงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น

นพ.โอภาส กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิดของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบเริ่มชะลอตัว ซึ่งยังจะพบการระบาดในลักษณะคลื่นลูกเล็ก (Small Wave) ได้ ส่วนเชื้อโรคอาจมีการกลายพันธุ์ย่อยๆ เล็กน้อย แม้ว่าขณะนี้ระบบสาธารณสุขจะรองรับได้ แต่มาตรการป้องกันตนเองยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการสวมหน้ากากเมื่อมีอาการของระบบทางเดินหายใจ หรืออยู่ในที่มีคนจำนวนมากหรือแออัด ส่วนผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงยังคงต้องรับวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน จึงต้องเร่งรัดเชิญชวนกลุ่ม 608 รวมถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนมาแล้วเกิน 3-4 เดือน ให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยกำชับสถานพยาบาลในสังกัด สธ. แล้วว่า ให้บริการประชาชนทุกคนที่เข้ามาขอรับบริการ อย่ากังวลเรื่องการสูญเสียวัคซีนจนเกินไป รวมถึงให้จัดจุดบริการเพิ่มขึ้นและหน่วยฉีดเชิงรุก

Advertisement

ด้าน นพ.ธเรศ กล่าวว่า ข้อมูลวันที่ 11-17 ธ.ค. พบผู้ป่วยโควิด รักษาตัวในรพ. 3,419 ราย เฉลี่ย 488 รายต่อวัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 645 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเป็น 400 ราย และพบผู้เสียชีวิต 113 ราย เฉลี่ย 16 รายต่อวัน โดยเป็นกลุ่ม 608 สูงสุดถึง 107 ราย คิดเป็นร้อยละ 95 ทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน

น.ส.นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า โครงการ “สยามรวมใจ เติมความสุข เติมภูมิคุ้มกัน” เป็นความร่วมมือระหว่าง สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม กับ สธ. รพ.สมิติเวช รพ.สุขุมวิท และรพ.ธนบุรี เปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนเข็มนอกสถานพยาบาลให้กับประชาชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป บริเวณห้องประชุม 10 ทรูไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม และห้องประชุม 5-6 รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ฝั่งนอร์ท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน สามารถวอล์กอิน (Walk-in) เพื่อรับบริการฉีดวัคซีนได้ทุกวัน เวลา 10.00 น. – 18.00 น. จนถึงวันที่ 26 ธ.ค. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่สายด่วนไอคอนสยาม โทร 1338 และสยามพารากอน โทร 02-610-8333

Advertisement

ด้าน พล.ต.ต.วีรพัฒน์ ศิวะแพทย์ รองผู้บัญชาการ สำนักงานยุทธศาสตร์ตตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เราได้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 40,000 นาย ควบคุมตลอดเส้นทางที่ประชาชนมีการเดินทาง โดยเฉพาะบริเวณทางเข้าปั๊ม หรือเข้าสถานที่สำคัญซึ่งจะมีการจราจรหนาแน่น ซึ่งปีนี้ต้องยอมรับว่าน่าจะมี สภาพการจราจรหรือปริมาณรถมากกว่าปีที่ผ่านๆ มาเนื่องจากสถานการณ์โควิดมีการคลี่คลาย ประชาชนมีการเดินทางมากขึ้น จึงได้มีการเตรียมรถยกและ บริการซ่อมรถเสียต่างๆ รวมทั้งมีการออกประกาศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประกาศการใช้เส้นทางขับรถย้อนศร ทั้งขาขึ้นขาลง ประกาศห้ามรถสิบล้อวิ่งในเส้นทางตามที่ประกาศ ตามวันและเวลาที่กำหนด ยกเว้นรถขนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ ยังมีการปรับการตรวจจับความเร็วทุกเส้นทาง

“ที่น่ากังวล คือ จากสถิติข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางถนนพบว่ามักจะเกิดจากการตัดหน้ากระชั้นชิด แต่ในช่วงเทศกาล สาเหตุที่แซงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 คือการเมาแล้วขับ ทั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ดังนั้น เราจะได้มีการเตรียมเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์และตรวจคุณภาพให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานกว่า 3,000 เครื่อง” พล.ต.ต.วีรพัฒน์ กล่าว

พล.ต.ต.วีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า มีการกวดขันวินัยจราจร ตั้งแต่ต้นน้ำคือมีการจัดทำบัญชีกลุ่มเสี่ยง ที่มีประวัติการเมาแล้วขับ ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปประชิดทำการตักเตือน เฝ้าระวังโดยกลุ่มนี้หากมีการกระทำผิดซ้ำจะมีโทษหนักกว่าครั้งก่อน  นอกจากนี้ยังมีการขึ้นบัญชีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เคยขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนหรือขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ได้รับอนุญาต และการขึ้นบัญชีการจัดงานรื่นเริงต่างๆ โดยประสานกับพื้นที่ให้จัดงานรื่นเริงตามกฎหมาย ควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนได้มีการประสานงานกับทาง รพ.กรณีที่ได้รับเคสเยาวชนได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนให้ มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และรายงานเข้ามายังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบสวนว่ามีการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านไหน รวมถึงมีใครชักชวนให้ดื่มหรือไม่เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image