กระทรวงแรงงานลุยภูเก็ต จับเข่าคุย 3 สมาคม แก้ปมขาดแคลนแรงงานภาคท่องเที่ยว

กระทรวงแรงงานลุยภูเก็ต จับเข่าคุย 3 สมาคม แก้ปมขาดแคลนแรงงานภาคท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ น.ส.บุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) ลงพื้นที่ร่วมงานนัดพบแรงงาน จ.ภูเก็ต ประจำปีงบประมาณ 2566 พร้อมหารือสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทย (ภาคใต้) และชมรมการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ป่าตอง แก้ปมขาดแคลนแรงงานในภาคธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว โดยมี นายดนัย สุนันทารอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงาน และ นายพิชิต สิงห์ทองคำ จัดหางานจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับ


น.ส.บุณยวีร์ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรับทราบความต้องการแรงงานในภาคธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว รวมถึงความกังวลของผู้ประกอบการในจังหวัดภูเก็ต หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศกลับเข้ามาใน จ.ภูเก็ต เป็นจำนวนมาก จึงมีความห่วงใยและมอบหมายตนลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการและผู้แทนจากสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือแนวทางแก้ไข พร้อมเปิดงานนัดพบแรงงาน เพื่อป้อนแรงงานสู่สถานประกอบการอย่างเร่งด่วน โดยประเภทธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานมากเป็นอันดับแรก คือ ประเภทธุรกิจโรงแรม ที่พัก ในตำแหน่งพนักงานต้อนรับส่วนหน้า พนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม แม่บ้าน พนักงานนวดสปา รองลงมา เป็นประเภทธุรกิจการบริการ และประเภทธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ตามลำดับ โดยภายในงานมีผู้ประกอบการที่มีความต้องการแรงงาน มารับสมัครคัดเลือกและสัมภาษณ์พนักงาน จำนวน 43 แห่ง ตำแหน่งงานว่างกว่า 2,000 อัตรา ซึ่งคาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในระยะแรกได้ และยังทำให้ผู้สมัครงานมีโอกาสเลือกตำแหน่งงานที่ตรงกับความรู้ ความสามารถ ความถนัด สามารถสมัครงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการ ได้จำนวนมากในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ สำนักงานจัดหางานภูเก็ตยังมีบริการให้คำปรึกษาด้านอาชีพ และบริการลงทะเบียนสำหรับผู้ประสงค์ไปทำงานต่างประเทศภายในงานด้วย

“จากการหารือร่วมกับผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทย (ภาคใต้) และชมรมการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ป่าตอง ได้ข้อสรุปว่า ภาครัฐจะมีการบูรณาการร่วมกันระหว่าง กกจ. กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) สถาบันการศึกษา สถานประกอบการภาคเอกชน โดยแบ่งแนวทางแก้ปัญหาเป็น 3 ระยะ ระยะสั้น เคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเป็นระบบ ในจังหวัดที่มีคนหางานเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีตำแหน่งงานว่าง ระยะกลาง นำโครงการ 3 ม. มีงาน เงิน มีวุฒิการศึกษา เชิญชวนสถาบันการศึกษาในภาคอีสาน ร่วมโครงการเพื่อส่งนักเรียน นักศึกษา ฝึกงานที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเพิ่มทักษะ สร้างรายได้ ระหว่างศึกษา ร่วมกับการสนับสนุนการทำงานแบบรับรายได้เป็นรายชั่วโมง และบูรณาการร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ฝึกทักษะแรงงานในจังหวัดภูเก็ตในสาขาที่มีความขาดแคลน เช่น นวดไทย งานช่าง โดยกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะลงพื้นที่ฝึกทักษะก็คือ นักเรียนสายอาชีพ ทหารเตรียมปลดประจำการ เป็นต้น และ ระยะยาว จะใช้การแนะแนวอาชีพนักเรียน นักศึกษาให้ทราบความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อเลือกเรียนในสายงานที่ตลาดแรงงานมีความต้องการสูง เช่น สาขาการท่องเที่ยว การโรงแรม เป็นต้น” น.ส.บุณยวีร์ กล่าว

Advertisement

นอกจากนี้ รองอธิบดี กกจ. กล่าวว่า จะประสานสถานประกอบการในการจ้างกลุ่มผู้พ้นโทษ และผู้สูงอายุเข้าทำงาน รวมทั้งบริหารจัดการการนำเข้าแรงงานข้ามชาติเข้ามาทดแทนตำแหน่งว่างที่แรงงานไทยไม่ต้องการทำ ด้านผู้ประกอบการจะปรับนโยบายการรับพนักงาน ลดสเปกลง มุ่งเน้นผู้ที่พร้อมเรียนรู้ และพัฒนาตนเองระหว่างทำงานแทน

ด้านนายรังสิมันต์ กิ่งแก้ว รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ได้หารือกับรองอธิบดี กกจ. หลังจากได้พูดคุยกันรู้สึกว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เห็นแนวโน้มว่าเรามีโอกาสในการรับสมัครพนักงานได้มากขึ้น และจะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนพนักงานได้ เนื่องจากว่าการขาดแคลนแรงงานเกิดขึ้นเร็วมาก

Advertisement

“เราก็คาดไม่ถึง ตลาดเริ่มมาพีคช่วงเดือนตุลาคม – กันยายน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชนในการแก้ไขปัญหา ขอฝากถึงคนหางานที่อยู่ในภาคอื่นๆ ขอให้ลองเปิดโอกาสเปิดใจ มาทำงานด้านท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต เพราะภูเก็ตเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงที่สุด เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวเป็นหลายสิ่งหลายอย่างของภูเก็ต เพราะฉะนั้น การท่องเที่ยวจะยังอยู่กับภูเก็ตไปอีกนาน สามารถฝากอนาคตไว้กับการท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต ได้” นายรังสิมันต์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image