สธ.เผยเหยื่อไหม้บ่อนปอยเปตยังรักษาใน รพ. 7 ราย จ่อถอดบทเรียนพัฒนาระบบช่วยเหลือระหว่าง ปท.
วันนี้ (8 มกราคม 2566) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงการดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้โรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ ซิตี้ แอนด์ คาสิโน ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ว่า ได้รับรายงานจาก นพ.ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) สระแก้ว ว่า มีการปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) เพื่อตอบโต้สถานการณ์แล้ว พร้อมทั้งสรุปข้อมูลการปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2565-วันที่ 5 มกราคม 2566 โดยมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 115 ราย เป็นเพศชายร้อยละ 57 เพศหญิงร้อยละ 43 ในจำนวนนี้ ให้การรักษาในโรงพยาบาล (รพ.) จำนวน 35 ราย อยู่ในช่วงอายุ 15-29 ปี มากที่สุด 20 ราย อายุ 30-44 ปี 9 ราย อายุ 45-59 ปี 2 ราย และอายุ 60 ปีขึ้นไป 5 ราย อาการที่เข้ารับการรักษา คือ ทางเดินหายใจ (สำลักควัน) ร้อยละ 76 อาการทางกระดูกร้อยละ 12 และแผลไฟไหม้ (Burn) ระดับ 1 อีกร้อยละ 12 โดยมีผู้บาดเจ็บที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เนื่องจากสำลักควัน 12 ราย
ทั้งนี้ ปลัด สธ.กล่าวว่า ในวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นวันแรกที่รับผู้บาดเจ็บ เป็นผู้ป่วยอาการหนักสีแดง
10 ราย ปานกลางสีเหลือง 9 ราย และเล็กน้อยสีเขียว 16 ราย ส่งเข้ารับการรักษาใน รพ.ทั้งใน จ.สระแก้ว และใกล้เคียง ก่อนส่งต่อรักษาตามภูมิลำเนา ได้แก่ สระแก้ว 6 ราย กรุงเทพมหานคร 5 ราย นครศรีธรรมราช 2 ราย สกลนคร 2 ราย และจังหวัดอื่นๆ อีก 12 จังหวัด โดยเป็นจังหวัดละ 1 ราย ไม่ทราบที่อยู่ 8 ราย ทุกรายมีแนวโน้มอาการดีขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันคงเหลือผู้บาดเจ็บสีเหลือง 4 ราย และสีเขียว 3 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตที่ประเทศกัมพูชามี 25 ราย เป็นคนไทย 19 ราย เนปาล 1 ราย ยังไม่ทราบสัญชาติ 5 ราย รักษาแล้วเสียชีวิตที่ประเทศไทย 1 ราย และยังมีผู้สูญหายรอการพิสูจน์ 4 ราย ศพรอพิสูจน์ที่ประเทศกัมพูชาอีก 5 ราย
นพ.โอภาสกล่าวว่า หลังปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินฯ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สระแก้ว ได้มีการประชุมสรุปผลการดำเนินงาน ทบทวนปัญหาอุปสรรค และถอดบทเรียนการปฏิบัติการ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีแนวทางการพัฒนา คือ 1.ทบทวนแผนโครงสร้างสายบัญชาการ และสายปฏิบัติการให้เป็นปัจจุบัน ทั้ง จ.สระแก้ว และจังหวัดคู่แฝดในประเทศกัมพูชา 2.ให้มีการซ้อมแผนเตรียมความพร้อม อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี 3.ให้มีการติดตามข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากฝั่งประเทศกัมพูชา และ 4.สร้างระบบ Twin City และ Twin Hospital ระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา
