สปสช. แจกหนังสือวันเด็ก สร้างความเข้าใจ “บัตรทอง” เช็กสิทธิตรวจสุขภาพฟรีเพียบ

“วันเด็กแห่งชาติ” สปสช. ร่วมเพิ่มรอยยิ้มเด็กไทย มอบนิทาน E-book “สายด่วน สปสช. 1330” เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจ “สิทธิบัตรทอง 30 บาท” พร้อมจัดสิทธิประโยชน์บัตรทองครอบคลุมบริการสุขภาพที่จำเป็นสมวัย เพิ่มต้นทุนชีวิต สู่ประชากรที่มีคุณภาพในอนาคต

เมื่อวันที่ 14 มกราคม นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีบทบาทและหน้าที่จัดการและปกป้องประชาชนผู้มีสิทธิให้เข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่จะได้รับบริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต และเพื่อให้เด็กไทยรู้จัก “สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” หรือ “บัตรทอง 30 บาท” ในปีนี้ สปสช. จึงได้จัดทำนิทานอี-บุ๊ก (E-Book) เรื่อง “สายด่วน สปสช. 1330” มอบเป็นของขวัญให้กับเด็กๆ เพื่อให้ข้อมูลความรู้และสร้างความเข้าใจในสิทธิบัตรทอง 30 บาทของคนไทย เป็นการสื่อสารผ่านตัวละคร “น้องตุ๊กติ๊ก” กับ “ตุ๊บปอง” จากนิทานคำกลอนที่คุ้นเคยกันของเด็กๆ แต่งโดย คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก

นพ.จเด็จ กล่าวว่า นอกจากนี้ภายใต้ระบบบัตรทอง 30 บาท สปสช.ยังได้จัดสิทธิประโยชน์บริการให้กับเด็กๆ ซึ่งจะได้รับการดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาด้วยสิทธิประโยชน์ฝากครรภ์คุณภาพ นอกจากการติดตามการเติบโตของทารกในครรภ์ การตรวจความปกติของครรภ์อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์ป้องกันโรค เช่น การตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง ซิฟิลิส เอชไอวี ตับอักเสบบี ธาลัสซีเมียและดาวน์ ตรวจปัสสาวะ ยังมีบริการป้องกันโรคและภาวะที่เสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นบริการวัคซีนบาดทะยัก คอตีบ และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก โฟลิกและไอโอดีน เป็นต้น รวมถึงการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และสมุดบันทึกสุขภาพเพื่อติดตามการเจริญเติบโต

ต่อเนื่องด้วยการดูแลเด็กไทยแรกเกิดจนถึงอายุ 5 ปี ด้วยสิทธิประโยชน์ที่สร้างสุขภาพดี ๆ ให้กับเด็ก ๆ ทั้งบริการฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค ตับอักเสบบี บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน โปลิโอ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้หวัดใหญ่และไข้สมองอักเสบเจอี ตรวจเลือดคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ (โรคเอ๋อ) ภาวะโลหิตจาง การติดเชื้อเอชไอวี ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อติดตามการเจริญเติบโต ตรวจคัดกรองพัฒนาการ ตรวจช่องปากและฟัน เคลือบฟลูออไรด์ การให้ยาไทรอกซินป้องกันภาวะพร่องไทรอยด์ ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก ยาต้านไวรัสเอชไอวี สมุดบันทึกสุขภาพและพัฒนาการ และแว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ

Advertisement

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มเด็กโตอายุ 6-14 ปี สปสช.ยังคงมีสิทธิประโยชน์ให้เด็กกลุ่มนี้รับบริการได้ ดังนี้ บริการฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก วัคซีนเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูก สำหรับนักเรียนหญิง ป.5 ตรวจเลือดคัดกรองภาวะโลหิตจาง เอชไอวี ตรวจช่องปากและฟัน ตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจคัดกรองสายตาและการได้ยิน บริการเคลือบฟลูออไรด์และหลุมร่องฟัน ให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก และบริการแว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ เป็นต้น

สำหรับบริการแว่นตาแก่เด็กที่มีภาวะสายตาผิดปกตินั้น ในปี 2566 สปสช. ยังคงดำเนินโครงการต่อเนื่อง โดยจ่ายค่าแว่นตาให้หน่วยบริการที่จัดหาแว่นตาแก่เด็กที่มีสายตาผิดปกติและแก้ไไขได้ด้วยแว่นตาซึ่งหน่วยบริการร่วมกับโรงเรียนค้นหาเด็กไทยที่มีปัญหาสายตาและส่งต่อไปตรวจวินิจฉัยยืนยันสายตาผิดปกติโดยการสนับสนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในปีนี้กำหนดเป้าหมายบริการ 10,210 ราย และตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ 2566 มีเด็กที่มีภาวะสายตาผิดปกติได้รับแว่นตาแล้ว 2,143 ราย

“บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นสิทธิประโยชน์สุขภาพพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเด็กไทย ซึ่งได้ผ่านการคัดกรองจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสาธารณสุข จนบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง และ สปสช. ได้จัดสรรงบประมาณและบริหารจัดการให้เกิดการเข้าถึงบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในปีงบประมาณ 2566 นี้เช่นกัน เพื่อเด็กไทยมีสุขภาพที่ดี เป็นต้นทุนของการดำเนินชีวิตและเป็นกำลังของสังคมในวันข้างหน้า” นพ.จเด็จ กล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image