สธ.เผยโควิดในปท.ซา จ่อรายงานกลุ่มต่างชาติติดเชื้อ เฝ้าระวังเข้มช่วงตรุษจีน

สธ.เผยโควิดในปท.ซา จ่อรายงานกลุ่มต่างชาติติดเชื้อ เฝ้าระวังเข้มช่วงตรุษจีน

เมื่อวันที่ 17 มกราคม นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่พบว่าผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงทั้งรายใหม่ ผู้ป่วยอาการหนัก และเสียชีวิต ว่า ตัวเลขที่รายงานเป็นข้อมูลจริงที่มาจากโรงพยาบาล (รพ.) ที่รับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งรายใหม่ ผู้ป่วยอาการหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิต ยืนยันได้ว่าเป็นการเก็บข้อมูลและรายงานตามระบบปกติ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าพบการเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคจะดำเนินการแยกจำนวนผู้ติดเชื้อออกเป็นการติดเชื้อในประเทศและกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรายงานรูปแบบดังกล่าวในสัปดาห์ที่ 3 ต่อไป โดยจะขอความร่วมมือกับ รพ.เอกชน ในการส่งรายงานตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ให้กองระบาดวิทยารับทราบและเก็บข้อมูล เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เมื่อป่วยก็จะไปรักษาที่ รพ.เอกชน

“กรมควบคุมโรค มีระบบเฝ้าระวังโควิด-19 ในสถานที่และกลุ่มเสี่ยงอยู่แล้วตามระบบ Sentinel surveillance เช่น ตลาด โรงเรียน โรงงาน สถานบริการที่นักท่องเที่ยวไป มีการเฝ้าระวังในจังหวัดท่องเที่ยว 8-10 จังหวัด ซึ่งยังไม่พบการติดเชื้อที่ผิดปกติ” นพ.ธเรศ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่คาดว่าจะมีการเดินทางของชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีน มีการพบปะกันมากขึ้น นพ.ธเรศ กล่าวว่า ช่วงก่อนหน้านี้เราก็มีความกังวลช่วงปีใหม่ ก็มีการเฝ้าระวังต่อเนื่อง ซึ่งปีใหม่มีการเดินทางมากกว่าตรุษจีน แต่เราก็ไม่ประมาท ยังต้องเฝ้าระวัง และสื่อสารเตือนประชาชน ถ้าหากต้องเข้าพื้นที่ที่มีคนมากๆ ก็ขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้อายุมากกว่า 60 ปี ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์ เฝ้าระวังตนเอง ด้วยการสวมหน้ากากและล้างมือ “ส่วนคนหนุ่มสาวที่ต้องไปพบผู้สูงอายุ ก็ให้สอบถามว่าท่านรับวัคซีนโควิด-19 ครบแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ครบ ผู้ที่จะเข้าไปพบท่านก็ต้องป้องกันเป็นพิเศษมีการเว้นระยะห่างจากท่าน” นพ.ธเรศ กล่าว

เมื่อถามถึงวัคซีนโควิด-19 ชนิดรวม 2 สายพันธุ์ (Bivalent Vaccine) นพ.ธเรศ กล่าวว่า ทีมวิชาการติดตามข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่มีผลการศึกษาว่าต้องเปลี่ยนแปลงวัคซีนเป็นวัคซีนโควิด 2 สายพันธุ์ เพื่อการกระตุ้นที่ดีกว่า ฉะนั้น เบื้องต้นเราจะใช้วัคซีนเดิมที่มีอยู่ฉีดกระตุ้นให้ประชาชน แต่จะมีการติดตามผลวัคซีนใหม่ๆ ถ้ามีประสิทธิผลดีกว่าก็จะนำเข้ามา

Advertisement

“แต่ขณะนี้ก็มีผู้ประสงค์บริจาควัคซีน bivalent vaccine ให้เรา ซึ่งทีมวิชาการกำลังศึกษาอยู่ อย่างที่มีข้อมูลออกมามีความสัมพันธ์กับอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งในที่สุดก็มีผลออกมาว่าเป็นข่าวที่ไม่จริง (Fake News) ฉะนั้น เราจะต้องมีการพิจารณา ศึกษาอย่างรอบคอบต่อไป” นพ.ธเรศ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image