สปสช.แจงสิทธิบัตรทอง “ตรวจยีนมะเร็งเต้านม” กลุ่มผู้ป่วยเสี่ยงสูง ลดการเกิดโรคในญาติสายตรง

สปสช.แจงแนวทางสิทธิประโยชน์บัตรทอง “ตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม BRCA1/BRCA2” ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อค้นหาการกลายพันธุ์ของยีน ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมของญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัวตรวจพบยีนกลายพันธุ์ ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 21 มกราคม ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2566 สปสช. จะดำเนินการตรวจคัดกรอง ค้นหาการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม ขณะนี้ให้บริการเฉพาะผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิบัตรทอง 30 บาทเท่านั้น ส่วนสิทธิอื่นๆ เช่น ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ รอการประกาศอีกครั้ง โดยผู้ที่ได้รับบริการ คือ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมตามเกณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ 1.ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมเมื่ออายุไม่เกิน 45 ปี 2.ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมที่อายุ 46-50 ปี ร่วมกับ มีประวัติเคยเป็นโรคมะเร็งซ้ำหลายครั้ง หรือ มีญาติสายตรง คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ บุตรของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม อย่างน้อย 1 คน ที่มีประวัติโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งตับอ่อน หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า 3.ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมเมื่ออายุมากกว่าหรือเท่ากับ 50 ปี ร่วมกับข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้ 3.1 มีประวัติญาติสายตรงอย่างน้อย 1 คน ที่เป็นโรคมะเร็งเต้านมที่ได้รับการวินิจฉัยเมื่ออายุไม่เกิน 50 ปี หรือ มะเร็งเต้านมในผู้ชาย หรือ มะเร็งรังไข่ หรือ มะเร็งตับอ่อน หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก 3.2 มีประวัติผู้ป่วยในครอบครัวอย่างน้อย 3 คนที่เป็นมะเร็งเต้านม 3.3 มีประวัติในครอบครัวสายตรงอย่างน้อย 2 คนที่เป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก และ 4.ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทุกช่วงอายุ ที่เป็นมะเร็งเต้านมแบบ triple negative หรือเป็นมะเร็งเต้านมในผู้ชาย

ทั้งนี้ ทพ.อรรถพร กล่าวว่า หากผลการตรวจคัดกรองยีนในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูง พบว่ามีการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านมชนิด BRCA1/BRCA2 แล้ว ญาติสายตรงซึ่ง ได้แก่ พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ บุตร ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม จะได้รับการติดตามให้มาตรวจคัดกรอง เพื่อค้นหาการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1/BRCA2 เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านมให้กับญาติสายตรงต่อไป

Advertisement

“ในการรับบริการตามสิทธิประโยชน์นี้ แพทย์จะเป็นผู้ที่วินิจฉัยผู้ป่วยและประเมินผู้ที่มีความเสี่ยงเพื่อเข้ารับบริการตรวจ ซึ่งผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่เข้าเกณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงตามหลักเกณฑ์ 4 ข้อข้างต้น แพทย์จะเป็นผู้ที่วินิจฉัยและประเมินเพื่อเข้ารับบริการตรวจตามสิทธิประโยชน์ หรือผู้ป่วยสามารถสอบถามจากแพทย์ที่รักษาท่านเพื่อให้วินิจฉัยว่าเข้าเกณฑ์หรือไม่ โดยการวินิจฉัยและประเมินนี้เป็นไปตามแนวปฏิบัติ (Guideline) การตรวจยีน BRCA1/BRCA2 ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและญาติสายตรงฯ ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สำหรับหน่วยบริการแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.หน่วยที่ให้บริการเก็บตัวอย่าง จำนวน 69 แห่ง ทำหน้าที่ให้บริการประเมินความเสี่ยงทางพันธุกรรม บริการให้คำปรึกษาก่อนและหลังการส่งตรวจทางพันธุกรรม บริการเก็บตัวอย่างและจัดส่งตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ และมีศักยภาพให้บริการดูแลผู้ป่วยมะเร็งซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ และ 2.หน่วยที่ให้บริการตรวจยีน BRCA1/BRCA2 จำนวน 7 แห่ง มีทั้งหน่วยบริการภาครัฐหรือภาคเอกชน ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO15189 ในรายการทดสอบ BRCA1/2 หรือ ได้รับการรับรองมาตรฐานการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมา สปสช.ได้ประสานความร่วมมือกับเครือข่ายบริการสาขาโรคมะเร็งระดับเขต กระทรวงสาธารณสุข เพื่อจัดเครือข่ายระบบบริการ การขับเคลื่อนการตรวจคัดกรองฯ พร้อมจัดระบบการส่งต่อการตรวจไปยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพในการตรวจยีน BRCA1/BRCA2 เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงบริการ

“สถานการณ์ประเทศไทย มะเร็งเต้านมถือเป็นมะเร็งในผู้หญิงที่มีอุบัติการณ์สูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (2020) ระบุพบความชุกของผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมของหญิงไทยที่ 213.32 คนต่อ 100,000 คน สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งผู้ที่มียีน BRCA1/BRCA2 มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงถึงร้อยละ 80 ดังนั้นสิทธิประโยชน์บริการนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยง ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้” ทพ.อรรถพร กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image