สบส.เปิดที่ผ่านมาไม่เคยมีข้อมูล ‘ซิลิโคนปลอม’ สาธิตสั่งประชุมทุกวันพุธ เปิดช่องทางให้ ปชช.แจ้งเบาะแส ชี้แม้ไม่มี กม.เอาผิดแพทย์โดยตรง แต่ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ
เมื่อวันที่ 24 มกราคม นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้าการดำเนินการเอาผิดกับคลินิกเสริมความงามที่ใช้ซิลิโคนปลอม ว่าตั้งแต่ที่ สบส.เปิดช่องทางให้ประชาชนที่ไปใช้บริการคลินิกดังกล่าวแจ้งข้อมูลมาที่ สบส.เพื่อเป็นหลักฐาน ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลแจ้งเข้ามา แต่ตนไม่มีข้อมูลว่ามีการแจ้งไปที่ตำรวจสอบสวนกลางหรือไม่ ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแพทย์ที่คลินิกดังกล่าวได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบผู้ที่ไปรับบริการในคลินิกแล้ว แต่ในเรื่องกระบวนการตามกฎหมายยังดำเนินต่อ ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ใน 3 เรื่อง คือ 1.ไม่มีแพทย์อยู่ประจำการ ณ เวลาที่ประกาศไว้ 2.บางสาขามีการต่อเติมห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ขออนุญาต และ 3.การโฆษณาโดยไม่ได้ขออนุญาต สบส.
นพ.ภานุวัฒน์กล่าวว่า ที่ผ่านมา สบส.จะมีข้อมูลเรื่องการใช้โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ปลอม แต่สำหรับกรณีที่คลินิกใช้ซิลิโคนปลอมนั้น ทาง สบส.เพิ่งมีข้อมูลครั้งแรก ซึ่งมาจากการขยายผลการจับกุมโรงงานผลิตซิลิโคนปลอม ที่ จ.สุพรรณบุรี ที่พบว่ามีการส่งของไปยังคลินิกต่างๆ โดยในความผิดดังกล่าวตำรวจสอบสวนกลางจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม สบส.ได้กำชับกับผู้ดำเนินการสถานพยาบาลในเรื่องการควบคุมการใช้เครื่องมือแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ต้องมีมาตรฐาน ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งหากพบว่าไม่ดำเนินการตามนี้ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
“ส่วนกรณีแพทย์ในคลินิกที่ใช้ของปลอม แม้จะไม่มีกฎหมายเอาผิดได้ แต่หากมีการสอบสวนแล้วพบความผิดตามจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ของแพทยสภา ก็จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม” นพ.ภานุวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ รองอธิบดี สบส.กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการเชิงรุกหลังจากนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้มอบหมายให้ สบส.ประชุมหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตำรวจสอบสวนกลาง และแพทยสภา ทุกเช้าวันพุธ เพื่อหาแนวทางเปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งข้อมูลกรณีหมอกระเป๋า คลินิกเถื่อน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการปราบปราม
