สธ.เร่งดันร่างแผนปฏิบัติการด้านยาฯ เพิ่มศักยภาพวิจัย สร้างมูลค่าส่งออก 1.6 หมื่นล้าน

สธ.เร่งดันร่างแผนปฏิบัติการด้านยาฯ เพิ่มศักยภาพวิจัย สร้างมูลค่าส่งออก 1.6 หมื่นล้าน

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2566) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาฯ ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 โดยมี 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.ส่งเสริมอุตสาหกรรมยาโดยร่วมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยา 2.พัฒนากลไกการเข้าถึงยาถ้วนหน้า ราคายาที่สมเหตุผล ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน 3.พัฒนากลไกสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และ 4.การจัดการสารสนเทศเพื่อจัดการระบบยาแบบบูรณาการ มุ่งหวังให้เกิดระบบยาที่มั่นคง บนพื้นฐานของการวิจัยและพัฒนายา ประชาชนเข้าถึงยาคุณภาพอย่างทั่วถึงและปลอดภัย

ทั้งนี้ นายสาธิต กล่าวว่า การนำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านยาฯ ไปสู่การปฏิบัติ จะช่วยเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมยาในประเทศ โดยผลักดันให้เกิดการผลิตยานวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มมูลค่าการส่งออกกว่า 16,000 ล้านบาท อีกทั้งยังผลักดันให้มียาสามัญทดแทนยาต้นแบบ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน และปรับปรุงบัญชี ยาหลักแห่งชาติ เช่น ยาสำหรับรักษาโรคโควิด-19 กรณีผู้ป่วยที่มีอาการระดับรุนแรง ยาสำหรับโรคหายากที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ผลิตภัณฑ์จากกัญชาและสมุนไพรไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงและการใช้ยาจากสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายจากการกำหนดราคากลางของยาที่มีราคาแพง ซึ่งส่งผลให้ภาครัฐประหยัดงบประมาณกว่า 148 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งการขับเคลื่อนประเทศสู่การใช้ยาอย่างสมเหตุผลสอดคล้องตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก

นายสาธิต กล่าวว่า สธ.จะเร่งผลักดัน (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย พ.ศ. 2566 – 2570 เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศใช้ พร้อมมอบหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้ระบบยามั่นคงด้วยการวิจัยพัฒนา ประเทศมีการจัดหายาจำเป็นไว้ใช้อย่างต่อเนื่องและทันท่วงที ทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image