จุติ แจงเหตุ 5 เดือนยังไม่ตั้ง อธิบดี พส. ขอสกรีนคนเข้าสเปก ‘เก่ง-สะอาด’
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาแต่งตั้งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ซึ่งเป็นกรมใหญ่ใน พม.และตำแหน่งว่างเข้าสู่เดือนที่ 5 ว่า กำลังจะหารือกับนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม. ระบบมีอยู่แล้ว การทำงานก็มี ปลัด พม.ซึ่งเคยเป็นอธิบดี พส.มาอยู่แล้ว และมีการตั้งรักษาการ ไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่คนที่อยากเป็นเร็วก็อ้างเท่านั้นเอง วงเล็บถ้ามี
เมื่อถามว่าจะแต่งตั้งทันก่อนยุบสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายจุติกล่าวว่า เมื่อไหร่เมื่อนั้น การที่พิจารณาช้าเป็นการบ่งบอกถึงความตั้งใจที่จะคัดสรรอธิบดี พส.ให้มีคุณสมบัติครอบคลุมให้ได้มากที่สุด มาถึงวันนี้แล้วก็คิดว่าคงไม่ได้ทุกองค์ประกอบ ทุกมิติ เพราะในนโยบาย ความคิด วิสัยทัศน์ตน พส.ไม่สามารถทำงานแบบเดิมๆ อีกต่อไปได้ คือมีเดิมๆ แต่ต้องปรับตัวให้ทันโลก เช่น ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเอง เป็นผู้ที่ถูกคาดหวังว่าจะต้องแก้ปัญหาความยากจนข้ามรุ่นกับลูกบ้านให้ได้ ต้องพัฒนาเศรษฐกิจครอบครัวตามเกณฑ์ของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy เรามีอาวุธเครื่องมือให้ทำงานอย่างมหาศาลในการทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งนิคมฯ ไม่เคยมีด้านนี้มาก่อน และต้องปรับปรุงเรื่องธรรมาภิบาลอย่างรุนแรง
เพราะที่ผ่านมาเรื่องการทุจริตเมื่อปี 2561 ผู้ปกครองนิคมฯ จำนวนเยอะมา จึงต้องไปดูตรงนี้ นิคมสร้างตนเองเป็นที่ดินพระราชทานให้กลุ่มคนยากจนด้อยโอกาสทำกินซึ่งเดิมมีกว่า 6 ล้านไร่ แต่ปัจจุบันเหลือแค่หลักแสนไร่ สูญหายไปไหน และยังมีหลายอย่าง ทั้งเรื่องสวัสดิการสังคม ซึ่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสวัสดิการ ก็ต้องมีคนที่เข้าใจและวางระบบเรื่องนี้ได้ เพราะไม่ใช่แค่มองมิติสังคมแต่ต้องมองไปถึงบริบทของเศรษฐกิจ การเมือง ความเป็นมนุษย์ของคนไทย ไม่ใช่เอาระบบของเมืองนอกมาใช้ เช่น วันนี้จะมีการเสนอให้ประชาชนได้บำนาญ 3,000 บาท ถามว่า พส.ต้องพิจารณาหรือไม่ ต้องพิจารณาแน่นอน สิ่งที่ต้องไปดูคือ วันนี้อัตราภาษีคนไทย 18% ขณะที่ต่างประเทศ 40-45% ภาษีมูลค่าเพิ่มแค่ 7% ต่างประเทศ 18%
นายจุติกล่าวอีกว่า ต้องนำมาเป็นองค์ประกอบทั้งหมด การที่ตนใช้เวลาคัดสรรไม่ใช่เรื่องง่าย ประกอบกับผู้ที่อาวุโสที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ เขาก็ใกล้เกษียณและขอปฏิเสธ เพราะเกรงปัญหาความต่อเนื่อง เป็นเหตุผลที่ทำให้ล่าช้า อย่างไรก็ตาม ตนพิจารณาเรื่องความอาวุโส เพียง 20% แต่ดูถึงผลสัมฤทธิ์การทำงาน 40-60% นอกนั้นก็ดูเรื่องของการประสานความร่วมมือการทำงานกับทั้งภายในภายนอก รวมถึงธรรมาภิบาลด้วย โดยจะต้องไม่มีเรื่องของการทุจริตเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2561 อีก ดังนั้นเวลาสกรีนคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนก็จะน้อยลง
ถามว่ามีการวิ่งเต้นตำแหน่งนี้หรือไม่ นายจุติกล่าวว่า ไม่มี ใครวิ่งก็ไม่มีผล วิ่งของตนคือการมีผลงานมาเสนอนั่นแหละใช่ แต่ไม่ใช่เฝ้าเช้าเฝ้าเย็น เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีหรือไม่ นายจุติกล่าวว่า ไม่ตอบ
