สธ.-คค.เอ็มโอยูใช้ที่ดินนอกเขตทางกรมทางหลวง 105 ไร่ เพิ่มศักยภาพ รพ.มหาราชนครราชสีมา
วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) ที่โรงพยาบาล (รพ.) มหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (คค.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ส่งมอบที่ดินสงวนนอกเขตทางของกรมทางหลวง ให้กับ รพ.มหาราชนครราชสีมา โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัด คค. ลงนามเป็นพยาน พร้อมด้วย นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้บริหาร สธ.และ คค. ร่วมงาน
นายอนุทินกล่าวว่า สธ.มีนโยบายพัฒนาระบบบริการให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางไกล ไม่มีความแออัด ซึ่งเอ็มโอยูกับ คค.ในการส่งมอบที่ดินสงวนนอกเขตทางของกรมทางหลวง ให้กับ รพ.มหาราชนครราชสีมา ครั้งนี้ จะเป็นการนำพื้นที่ในส่วนดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนารองรับการขยายการให้บริการของโรงพยาบาลในอนาคต ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนใน จ.นครราชสีมา และพื้นที่ใกล้เคียง ในการเข้าถึงบริการได้มากขึ้น
ด้าน นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดินสงวนนอกเขตทางของกรมทางหลวง ในพื้นที่แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 3 สำนักงานทางหลวงที่ 10 (นครราชสีมา) ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 2310 ตอนสวนสัตว์นครราชสีมา-ท่าอ่าง ต.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา เนื้อที่จำนวน 105 ไร่ 2 งาน 30.5 ตารางวา เดิมกรมการขนส่งทางบก โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ได้ขอใช้ประโยชน์ในที่ดิน
แต่ปัจจุบันยังไม่มีการใช้ประโยชน์ใดๆ จ.นครราชสีมา จึงขอให้คืนสิทธิการใช้ที่ดินแก่กรมทางหลวง
เพื่อพิจารณานำไปใช้ประโยชน์ในการเพิ่มศักยภาพของ รพ.มหาราชนครราชสีมา รองรับการขยายขอบเขตการให้บริการของโรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนใน จ.นครราชสีมา และพื้นที่ใกล้เคียงต่อไป
ขณะที่ นพ.โอภาสกล่าวว่า รพ.มหาราชนครราชสีมา เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ ให้การดูแลสุขภาพประชาชนระดับตติยภูมิในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ มีเตียงให้บริการผู้ป่วยกว่า 1,600 เตียง ให้บริการผู้ป่วยในมากกว่า 110,000 รายต่อปี และผู้ป่วยนอกกว่า 1,200,000 รายต่อปี รพ.มหาราชนครราชสีมา จึงขอใช้ประโยชน์ในที่ดินสงวนนอกเขตทาง ของกรมทางหลวง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ดินผืนเดิมประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อนำมาพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้านการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยลดความแออัดในพื้นที่เดิม เพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนได้เข้าถึงการบริการสุขภาพที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
