6 พรรคหนุนแบน “บุหรี่ไฟฟ้า” ลั่น! คำนึงสุขภาพประชาชนสูงสุด

6 พรรคหนุนแบน “บุหรี่ไฟฟ้า” ลั่น! คำนึงสุขภาพประชาชนสูงสุด

วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2566) ที่แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มีการประชุมวิชาการมหกรรมฟ้าใส ครั้งที่ 13 โดย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า การประชุมคลินิกฟ้าใสครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติฯ เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ สถาบันอุดมศึกษา และภาคีที่ควบคุมการบริโภคยาสูบรวมกว่า 1,000 องค์กร เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการควบคุมยาสูบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้การควบคุมยาสูบ การบริการช่วยเลิกบุหรี่ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรค ไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ทั้งนี้ เวทีดังกล่าวมีผู้แทนพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมวงเสวนา “นโยบายพรรคการเมือง กับสุขภาพของประชาชน ให้พ้นพิษภัยนิโคตินจากบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อร่วมผลักดันเชิงนโยบายในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ

สำหรับเวทีเสวนา “นโยบายพรรคการเมืองกับสุขภาพของประชาชนให้พ้นพิษภัยนิโคตินจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ

พรรคภูมิใจไทย

Advertisement

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในช่วงการเป็นประธานเปิดงานถึงประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า ว่า ปัจจุบันสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก คือ บุหรี่ไฟฟ้า แม้จะมีกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่าย ก็ยังมีการสูบอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะวัยทำงาน และที่น่าห่วงคือ เด็กและเยาวชน เพราะมีการโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่มีหลักความจริงว่า สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไม่เป็นมะเร็ง ไม่มีสารอันตรายให้ร่างกายเจ็บป่วย จากข้อมูลสถิติทั้งหลายพบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า 8 หมื่นคน กว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี ขณะนี้ยังมีความพยายามผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ซึ่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีคนผลักดัน แต่คิดว่าคงผลักดันไม่ผ่าน เพราะ สธ.ไม่ยอม ไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการ สธ. ไม่ยอม แต่เป็นทั้งกระทรวง

พรรคชาติไทยพัฒนา

Advertisement

ทพ.อุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา รองเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การรักษาที่ดีที่สุด คือ การป้องกัน เพราะงบประมาณการรักษาตามสิทธิต่างๆ ภายใน 1 ปีประมาณ 3.2 แสนล้านบาท เฉลี่ย 4,900 บาทต่อเดือนต่อคน ซึ่งทีดีอาร์ไอคาดการณ์ว่า 15 ปีข้างหน้า ค่ารักษาพยาบาลจะสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท พรรคชาติไทยพัฒนาจึงมีนโยบายเชิงรุก “สุขภาพดีมีเงินคืน 3,000 บาท” หมายความว่า หากภายใน 1 ปี สุขภาพดี ไม่เข้ารับการรักษาเลยจะมีเงินคืน 3,000 บาท ดังนั้น จะช่วยทั้งสุขภาพและลดค่าใช้จ่าย

“อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องบุหรี่ เราเน้นว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เยาวชนเข้าสู่วงการบุหรี่ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ที่บ้าน ครอบครัว ผ่านนโยบายสร้างศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทำให้ครอบครัวอบอุ่น ที่โรงเรียน ต้องส่งเสริมให้ความรู้โดยเฉพาะเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้น เพื่อป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ และภาครัฐ ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น บุหรี่ไฟฟ้ายังผิดกฎหมาย และต้องไม่ให้มีการลักลอบนำเข้า หาซื้อได้ อีกทั้งต้องดูแลเด็กเร่ร่อนให้เข้าสู่การศึกษา จะได้ป้องกันไม่ให้เข้าสู่วงการยาเสพติด และบุหรี่ ทั้งนี้ ขอย้ำว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ยินดีไม่ให้เด็กเข้าสู่บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า หรือยาเสพติด” ทพ.อุดมศักดิ์ กล่าว

พรรคเสรีรวมไทย

นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พรรคประกาศนโยบาย 14 ข้อ ซึ่งไม่มีนโยบายข้อไหนที่ผลักดันเรื่องที่สุ่มเสี่ยงทำลายสุขภาพคนไทย โดยนโยบายหลักเรื่องสุขภาพ คือ บัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรีทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงโทษภัยไข้เจ็บเกี่ยวกับบุหรี่

“และแน่นอนว่า เราไม่ผลักดันบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย ให้เข้ามาในประเทศ โดยมาตรการที่เราจะใช้ คือ ความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนำเข้า การจัดจำหน่าย เพราะเรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ และพรรคเสรีรวมไทยโดดเด่นในการปราบปรามคอรัปชั่น ทั้งนี้ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีคนอ้างว่า โทษน้อยกว่าบุหรี่มวน ซึ่งขัดแย้งกับทางการแพทย์ รวมถึงยังเพิ่มการเข้าถึงการสูบที่ง่ายมากขึ้นด้วย ขณะที่ คำถามว่า กัญชาอิสระแล้ว ทำไมบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ หากมีความคิดตรงนี้ ขอบอกว่า ก็ต้องไปแก้ที่กัญชา ไม่ใช่แก้โดยการต่อต้านไม่ได้ก็ให้บุหรี่ไฟฟ้าเข้าร่วม แบบนี้ไม่ถูกต้อง ดังนั้น พรรคเสรีรวมไทยมีจุดยืนเน้นสุขภาพเป็นหลัก อะไรสุ่มเสี่ยง เราไม่สนับสนุน” นายปริเยศ กล่าว

พรรคเพื่อไทย

ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ได้เฝ้าดูกฎหมายมาตลอดตั้งแต่ปี 2557 เพิ่งเห็นนายกรัฐมนตรีคิกออฟเปิดโรงเรียน ว่า คนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าในปี 2566 กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็เพิ่งมาประกาศอีก จึงตั้งคำถามว่า เรามาสร้างความตระหนักเรื่องนี้ช้าไปหรือไม่

“ฉะนั้น หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล นายกฯ จะต้องเป็นประธานเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ดันให้เป็นวาระแห่งชาติ และขอเชิญทุกคนที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันในการปกป้องสังคมในการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า หรือแม้แต่คนส่วนหนึ่งที่อาจต้องการใช้ ก็มาคุยกันว่า จะอยู่ร่วมกันอย่างไร รวมไปถึงการใช้กฎหมายอย่างไรให้เข้มงวด แต่จะทำได้เราต้องเป็นรัฐบาล” ทพญ.ศรีญาดา กล่าว

พรรคประชาธิปัตย์

นพ.เทียนชัย สุวรรณเพ็ญ ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ จะร่วมสร้างเครือข่ายไปจนถึงครอบครัวให้ตระหนักถึงพิษของบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนข้อมูลบุหรี่ไฟฟ้าที่ออกมาว่าไม่เป็นอันตราย กลับมีการออกมาซ้ำๆ จากไม่จริงจะกลายเป็นจริง ตรงนี้น่าห่วงมาก และสนับสนุนให้มีนักจิตวิทยา ครูพละศึกษาประจำโรงเรียน เพื่อให้ช่วยทั้งเป็นที่ปรึกษา และให้เด็กๆ โดยเฉพาะวัยรุ่นหันมาเล่นกีฬา ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ลดการไปพึ่งพาอบายมุข

พรรคพลังประชารัฐ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากที่ตนศึกษามา พบว่าเป็นไปไม่ได้ ที่จะมาเดินนโยบายเลิกบุหรี่มวน แต่มาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน เพราะจะทำให้การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่สูญเปล่าและอาจกลายเป็นการเข้าถึงยาเสพติดในอนาคต

“หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไม่สนันบสนุนการเสพติดใดๆ ทั้งสิ้น ผมไม่ขอพาดพิงพรรคอื่น เพราะเราจะพูดถึงบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐจะร่วมมือกับสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ และเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพทั้งหมด เราจะร่วมมือตลอด มีอะไรสามารถแจ้งมาที่พรรคพลังประชารัฐได้ทันที” นายไพบูลย์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image