สธ.ระนอง เผยผลงาน “รถสโตรก” ประจำการ 1 เดือน เซฟชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน พ้นวิกฤตกลางตลาด

สธ.ระนอง เผยความสำเร็จหน่วยโรคหลอดเลือดสมองเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) จากสถาบันประสาทวิทยา ขณะประจำการที่ รพ.ระนอง 1 เดือน ได้ออกปฏิบัติการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองนำส่งจาก อ.กระบุรี ที่ตลาดกลางยางระนอง ช่วยให้ผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤติ ก่อนส่งรักษาต่อเนื่องจนหายเป็นปกติ

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม นพ.นรเทพ อัศวพัชระ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ตามมาตรฐานการรักษา ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือดภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งจะช่วยลดการเกิดความพิการและเสียชีวิตได้ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ จึงได้เลือกจังหวัดระนองเป็นพื้นที่นำร่องในการพัฒนาต้นแบบการเข้าถึงการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเชิงรุก โดยนำรถ Mobile Stroke Unit ของสถาบันประสาทวิทยา มาประจำการที่โรงพยาบาลระนอง เป็นเวลา 1 เดือน ระหว่างวันที่ 1 – 28 ก.พ. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และเป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานเครือข่ายได้พัฒนาการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งการส่งต่อที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

นพ.นรเทพ  กล่าวต่อว่า ผลการปฏิบัติการของหน่วยโรคหลอดเลือดสมองเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) สถาบันประสาทวิทยา ว่าสามารถช่วยผู้ป่วยหลอดเลือดสมองจังหวัดระนองได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. โดยผู้ป่วยชายไทย อายุ 51 ปี ขณะขับรถที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง เกิดอาการผิดปกติ แขนขาข้างขวาอ่อนแรง พูดไม่ชัด ญาติจึงโทรแจ้งสายด่วน 1669 รพ.กระบุรี ได้เข้ารับผู้ป่วยที่จุดเกิดเหตุภายในเวลา 10 นาที รีบส่งตัวผู้ป่วย พร้อมทั้งประสานทีมแพทย์และพยาบาลประจำ mobile stroke unit ออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วย ณ ตลาดกลางยางระนอง ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียง 25 นาที แพทย์ได้ทำการ CT Scan และให้ยาละลายลิ่มเลือดบนรถ Mobile Stroke Unit ก่อนส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการดูแลต่อเนื่องที่ รพ.ระนอง ซึ่งผู้ป่วยหลังได้รับยาอาการดีขึ้น แขนขาขวากลับมามีแรงปกติ พูดชัดเจน และใช้ชีวิตได้ตามปกติ

“สิ่งสำคัญที่สุดของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง คือการเข้าถึงการรักษาที่รวดเร็วที่สุด ดังนั้น หากพบผู้ที่มีอาการปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ชาบริเวณใบหน้า ปวดมึนศีรษะ แขนขาอ่อนแรง ตาพร่ามัวแบบเฉียบพลัน ขอให้รีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 หรือนำส่ง รพ. ใกล้บ้านทันที อย่ารอว่าอาการจะดีขึ้น เพราะยิ่งผู้ป่วยได้รับการรักษาเร็วเท่าใด ยิ่งลดความเสี่ยงของภาวะสมองขาดเลือด และลดความรุนแรงของการทุพพลภาพได้มากขึ้นเท่านั้น” นพ.นรเทพกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image