สธ.ร่วม สปสช. เพิ่ม 2 สิทธิประโยชน์ “คัดกรองเอชไอวี” ฟรี! เผย ผู้ติดเชื้อเกินครึ่งรู้ตัวช้า ทำติดเชื้อฉวยโอกาส

สธ.ร่วม สปสช. เพิ่ม 2 สิทธิประโยชน์ “คัดกรองเอชไอวี” ฟรี! เผย ผู้ติดเชื้อเกินครึ่งรู้ตัวช้า ทำติดเชื้อฉวยโอกาส ประกาศลดปัญหาเอดส์ใน 7 ปี ผ่าน (ร่าง)แผนปฏิบัติการยุติปัญหาเอดส์ ฉบับใหม่

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ (คช.ปอ.) ครั้งที่ 1/2566 โดยมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุม ว่า สธ. ได้ร่วมกับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้มีการเพิ่มประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้แก่ 1.การบริการชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการตรวจคัดกรองที่เข้าถึงง่าย เป็นไปโดยสมัครใจและเป็นความลับ ช่วยให้ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงได้รับการตรวจเพิ่มขึ้นและสู่ระบบการรักษาได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงระบบบริการวินิจฉัยและรักษาเอชไอวีล่าช้า เห็นได้จากข้อมูลในปี พ.ศ.2565 ที่พบว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ถูกวินิจฉัยรายใหม่ จำนวน 17,809 คน มีถึงร้อยละ 52 ที่รู้สถานะการติดเชื้อช้า โดยถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีเมื่อมีระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำมาก ที่จำนวนเม็ดเลือดขาวซีดี 4 น้อยกว่า 200 หรือมีอาการป่วยจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสแล้วนพ.โอภาส กล่าวต่อว่า 2.การตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ในประชาชนทั่วไปที่เกิดก่อน พ.ศ.2535 โดยตรวจ 1 ครั้ง ตลอดช่วงชีวิต และการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ในประชากรกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม คือ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด ผู้ต้องขัง บุคลากรสาธารณสุข และชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาตามมาตรฐานอย่างรวดเร็ว ลดโอกาสป่วยรุนแรง การเกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ และลดการเสียชีวิต โดยเฉพาะโรคไวรัสตับอักเสบ ซี ที่มียารักษาให้หายขาดได้ ซึ่งประชาชนกลุ่มเป้าหมายสามารถรับบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

“บริการทั้งสองส่วน อยู่ระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการจ่ายค่าชดเชยการจัดบริการให้กับหน่วยบริการ ได้มอบให้กรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานการกำหนดระยะเวลาเตรียมการและวันที่จะเริ่มให้บริการ เพื่อให้ประชาชนทราบและเข้าถึงบริการโดยเร็วต่อไป” นพ.โอภาส กล่าวนพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการยุติปัญหาเอดส์ เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพระบบการดูแลรักษาเอชไอวี ระดับประเทศ เพื่อติดตามคุณภาพการจัดบริการ ช่วยกระตุ้นให้โรงพยาบาลทุกแห่งพัฒนาคุณภาพบริการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานและรวดเร็ว สามารถรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสภายในวันเดียวกับการวินิจฉัย และกินยาอย่างต่อเนื่องจนสามารถกดปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายได้สำเร็จ นำไปสู่การใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ลดการเจ็บป่วย และลดการเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อฉวยโอกาส

ทั้งนี้ นพ.โอภาส กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการยุติปัญหาเอดส์ ประเทศไทย พ.ศ.2566 – 2569 พร้อมแต่งตั้งประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนงานเอดส์จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อเร่งผลักดันให้การยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทยสำเร็จภายในปี 2573

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image