กรมควบคุมโรคเร่งพัฒนาครูสอนว่ายน้ำ ป้องกันจมน้ำ 4 ภาค ทั่วปท.
วันนี้ (17 มีนาคม 2566) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อนและเป็นช่วงที่เด็กปิดเทอม เด็กๆ อาจชวนกันไปเล่นน้ำตามลำพัง โดยข้อมูลพบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561 – 2565) มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตในช่วงฤดูร้อน (เดือนมีนาคม – พฤษภาคม) ซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอม ถึง 953 ราย เฉลี่ยวันละ 2 ราย เดือนเมษายนจมน้ำมากที่สุด 65 ราย รองลงมาคือ เดือนมีนาคม 64 ราย และเดือนพฤษภาคม 63 ราย ส่วนใหญ่เกิดเหตุในช่วงเดือนเมษายน โดยพบว่าเด็กจมน้ำส่วนใหญ่เกิดเหตุจากแหล่งน้ำธรรมชาติมากที่สุด โดยขาดทักษะการเอาชีวิตรอด และการช่วยเหลือคนตกน้ำ จมน้ำที่ไม่ถูกต้อง กรมควบคุมโรค จึงได้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และได้ร่วมกับสมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดเพื่อสนับสนุนการสร้างทีมผู้ก่อการดี (MERIT MAKER) 4 ภาค ทั่วประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรนำไปใช้ขยายผลถ่ายทอดให้กับประชาชนและเด็กในพื้นที่ เพื่อป้องกันการจมน้ำ
นพ.ธเรศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรุ่นที่ 1 มอบหมายให้กองป้องกันการบาดเจ็บ ร่วมกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.ขอนแก่น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 17 มีนาคม 2566 ณ จ.ขอนแก่น โดยได้รับความอนุเคราะห์การใช้สระว่ายน้ำจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ขอนแก่น มีผู้เข้าร่วมอบรมฯ จำนวน 160 คน จาก 16 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้มอบหมายให้ พญ.ศิริรัตน์ สุวรรณฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองป้องกันการบาดเจ็บ เป็นผู้แทนในการมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรมฯ สำหรับรุ่นที่ 2 กำหนดจัดขึ้น ณ จ.สมุทรสงคราม รุ่นที่ 3 จัดขึ้น ณ จ.พิษณุโลก และรุ่นที่ 4 จัดขึ้น ณ จ.สงขลา ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม
นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ประกอบไปด้วย ความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ ทักษะการเอาชีวิตรอดในน้ำ ด้วยการลอยตัวเปล่าเหมือนแม่ชีลอยน้ำ และการลอยตัวโดยใช้อุปกรณ์ช่วยลอยน้ำ เช่น ขวดน้ำพลาสติกเปล่า ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า เป็นต้น และวิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำ จมน้ำที่ถูกต้อง โดยไม่กระโดดลงไปช่วย แต่ให้ใช้วิธีการ “ตะโกน โยน ยื่น” และเมื่อช่วยคนจมน้ำขึ้นมาแล้วห้ามจับอุ้มพาดบ่าแต่ให้ช่วยด้วยการเป่าปากและนวดหัวใจ (CPR) แล้วนำส่งโรงพยาบาลทุกราย