กรมควบคุมโรค แนะประชาชน ระวัง! 3 โรคติดต่อจากยุง ชี้หลังสงกรานต์แนวโน้มป่วยพุ่ง

กรมควบคุมโรค แนะประชาชน ระวัง! 3 โรคติดต่อจากยุง ชี้หลังสงกรานต์แนวโน้มป่วยพุ่ง

วันนี้ (11 เมษายน 2566) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 9 – 15 เมษายน 2566 ว่า จากการเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 6 เมษายน 2566 พบว่าสถานการณ์โรคติดต่อนำโดยยุงลาย (ไข้เลือดออก, โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา) ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวัง พบผู้ป่วย

1.โรคไข้เลือดออกสะสม 10,439 ราย เสียชีวิต 11 ราย จำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงกว่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี อัตราป่วยสูงสุดพบในภาคใต้ 27.59 ต่อประชากรแสนคน พบมากในกลุ่มอายุ 15-24 ปี หรือ ร้อยละ 22.60

2.โรคไข้ปวดข้อยุงลาย มีผู้ป่วยสะสม 381 ราย จำนวนผู้ป่วยในระยะนี้สูงกว่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี และ สูงกว่าช่วงนี้ในปีที่ผ่านมาเป็น 4.65 เท่า โดยมีรายงานในทุกภูมิภาคของประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 45-54 ปี ร้อยละ 21.78

ADVERTISMENT

และ 3.โรคติดเชื้อไวรัสซิกา มีผู้ป่วยสะสม 42 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 45-54 ปี ร้อยละ 26.19 จำนวนผู้ป่วยสูงกว่ามัธยฐานย้อนหลัง 3 ปี และสูงกว่าช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ในปีที่ผ่านมา 8.40 เท่า
ในช่วงกลางเดือนเมษายน จะมีเทศกาลสงกรานต์ซึ่งจะมีการเดินทางของประชาชนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการพยากรณ์อากาศยังพบว่าในช่วงเดือนเมษายน 2566 อาจพบพายุฤดูร้อนที่ทำให้มีฝนตกได้ในบางพื้นที่ซึ่งอาจทำให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายได้มากขึ้น

คาดว่าในระยะต่อไปจนถึงหลังสงกรานต์ อาจพบแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคติดต่อนำโดยยุงลายทั้ง 3 โรค ได้เพิ่มขึ้น และอาจพบในพื้นที่ใหม่ๆ โดยการนำเข้าจากผู้ป่วยที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่เกิดการระบาดอยู่เดิม จึงแนะนำประชาชนป้องกันการถูกยุงกัดด้วยการนอนกางมุ้งหรืออยู่ในห้องติดมุ้งลวด ใส่เสื้อผ้ามิดชิด ทาโลชั่นกันยุง ใช้ยาจุดกันยุง พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุง โดยการปฏิบัติตามหลัก “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ได้แก่ 1.เก็บบ้านให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงลายเกาะพัก จัดเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ให้เป็นระเบียบ 2.เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ เช่น เศษภาชนะวัสดุที่ทิ้งกระจาย รอบๆ บ้าน เช่น กะลา กระป๋อง ถุงพลาสติก ควรเก็บทิ้งหรือถมดินไม่ให้น้ำขัง ยางรถยนต์เก่า สามารถดัดแปลงนำมาใช้ประโยชน์หรือขายให้สถานประกอบการ และ 3.เก็บแหล่งน้ำ ปิดให้มิดชิด เปลี่ยนถ่ายน้ำทุกสัปดาห์ไม่ให้ยุงลายวางไข่ หมั่นเปลี่ยนน้ำทุก 7 วัน เช่น แจกันดอกไม้สด แจกันหิ้งบูชาพระ ขวดเลี้ยงพลูด่าง ไม้ประดับ ใส่ทรายธรรมดาในจานรองกระถางต้นไม้ให้ดูดซับน้ำ

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ ประชาชนควรสังเกตอาการของตนเองและคนในครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ไข้นานเกินกว่า 2 วัน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เบื่ออาหาร หน้าตาแดง อาจมีผื่นขึ้นที่ผิวหนังตามแขน ขาข้อพับ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม และข้อเน้นย้ำว่าไม่ซื้อยากินเอง เนื่องจากยาลดไข้บางประเภทอาจทำให้มีอาการรุนแรงและเลือดออกมากขึ้น รักษายากขึ้นจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ สำหรับร้านขายยาและคลินิก ควรแนะนำให้ผู้ป่วยสงสัยโรคไข้เลือดออก ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาล หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image