กรมแพทย์แผนไทยฯ แจงแผนบริหาร ‘ยากัญชา’ ยันปลอดภัย มีงานวิจัยรองรับ

กรมแพทย์แผนไทยฯ แจงแผนบริหาร ‘ยากัญชา’ ยันปลอดภัย มีงานวิจัยรองรับ

วันนี้ (12 เมษายน) นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ในระบบบริการสาธารณสุขหมดอายุ แพทย์ไม่สั่งจ่ายให้ผู้ป่วย เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ของประสิทธิผล ของผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย ว่าปัจจุบันการผลิตผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์เพื่อใช้ในระบบบริการสาธารณสุขได้ผลิตตามปริมาณ ความต้องการการใช้ยาเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการขาดแคลนการใช้ยาในผู้ป่วย

“จากข้อมูลการให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยทั่วประเทศ ณ วันที่ 11 เมษายน 2566 จำแนกเป็น โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป/โรงพยาบาลชุมชน จำนวน 839 แห่ง โรงพยาบาลสังกัดกรมวิชาการภายใต้สังกัด สธ. 27 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 740 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) จำนวน 11 แห่ง ภายใต้ สธ. สถาบันการศึกษา จำนวน 12 แห่ง รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,629 แห่ง พบว่ามีปริมาณการใช้ (ขวด/ซอง/แผง) รวม 18,113,148 (ขวด/ซอง/แผง) ในผู้ป่วย จำนวน 258,513 ราย โดยมีผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 42,654 ราย หรือร้อยละ 16.5 รายการยาที่มีการสั่งจ่ายมากที่สุด 5 อันดับแรก (จาก 35 รายการ ในรายงานการใช้ยากัญชาทางการแพทย์แผนไทยในระบบ HDC) ได้แก่ ยาศุขไสยาศน์ 7,348,654 ซอง/แผง ยาแก้ลมแก้เส้น 6,763,540 ซอง/แผง ยาทำลายพระสุเมรุ 2,064,421 ซอง/แผง น้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) 1,505,878 ขวด และยาแก้ลมเนาวนารีวาโย 220,568 ซอง/แผง” นพ.ธงชัยกล่าว

อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯกล่าวว่า ข้อมูลของกรมการแพทย์แผนไทยฯ พบว่ามีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาปี 2562-ปัจจุบัน จำนวน 79,423 ราย มีการใช้ยากัญชาทางการแพทย์แผนไทยในกลุ่มอาการโรคที่เข้ารับการรักษาตามอาการต่างๆ ดังนี้ อาการนอนไม่หลับ 197,516 ครั้ง อาการปวดตามร่างกาย (ปวดขา ปวดเข่า ปวดบ่า ปวดไหล่) 18,179 ครั้ง อาการปวดหลัง 9,558 ครั้ง อาการลมปะกัง หรือลมตะกัง 8,659 ครั้ง อีกทั้งอาการอื่นๆ อาทิ อาการสันนิบาตลูกนก (โรคพาร์กินสัน) ลมจับโปงแห้งเข่า ปวดศีรษะ อาการชา 14,131 ครั้ง

Advertisement

“จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นว่าการผลิตยากัญชาทางการแพทย์แผนไทย เพื่อนำไปใช้ให้กับผู้ป่วยทั่วประเทศ ดังนั้น จึงต้องมีระบบการบริหารกระจายยากัญชาทางการแพทย์แผนไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้ 1.การคำนวณปริมาณการใช้ยา ทุก 6 เดือน โดยประเมินจากประวัติข้อมูลการผลิต หนังสือขอรับการสนับสนุนจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึงการสำรวจ ความต้องการผ่านทาง สสจ. 2.หลังจากสถานพยาบาลได้รับการสนับสนุนยาแล้ว สามารถคำนวณอัตราการใช้ยาต่อเดือน ถ้าหากอัตราการใช้ยาน้อยกว่าแผนที่วางไว้ สามารถแจ้งคืนส่วนกลาง ภายหลังจากการบริหารจัดการยาในพื้นที่แล้ว โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะนำยามารักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลในสังกัด ซึ่งมีปริมาณผู้ป่วยจำนวนมาก เพื่อใช้ตามเงื่อนไขข้างต้น ในส่วนของการสั่งจ่ายยาที่มีกัญชาปรุงผสม ทั้งนี้ จะอยู่ในการควบคุม ของแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทยประยุกต์ และแพทย์แผนไทยอย่างเป็นระบบ” นพ.ธงชัยกล่าว

นอกจากนี้ นพ.ธงชัยกล่าวว่า กัญชาทางการแพทย์แผนไทย ส่วนหนึ่งได้รับการบรรจุเป็นรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ทำให้เกิดความมั่นใจได้ในความปลอดภัย สามารถสั่งจ่ายให้กับผู้ป่วยได้ ที่ผ่านมากรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับภาคีเครือข่ายทางการแพทย์มีการศึกษาวิจัยอย่างมีมาตรฐานทางการแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น การศึกษา Thai cannabis practice patterns and quality of life study (Thai Cannabis PQ): A preliminary analysis (APHA’s 2020 VIRTUAL Annual Meeting and Expo) รวมถึงการศึกษาในพื้นที่ที่มีการปลูกกัญชา และใช้กัญชารักษาทางการแพทย์ ตัวอย่างเช่น ประสิทธิผลของน้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา ต่อคุณภาพการนอนหลับและคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยนอก ณ คลินิกหางกระรอก โรงพยาบาล (รพ.) พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, ประสิทธิผลและความปลอดภัยในผู้ป่วยที่ใช้น้ำมันกัญชาทางการแพทย์แผนไทย รพ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี, ทัศนคติต่อการรักษาด้วยน้ำมันกัญชาของผู้ป่วยมะเร็ง ในคลินิกกัญชาทางการแพทย์ รพ.สมเด็จพระยุพราชเดชอุดม จ.อุบลราชธานี เป็นต้น

“กรมการแพทย์แผนไทยฯให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นอันดับแรก จึงเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของยาทุกชนิด จึงขับเคลื่อนยาแผนไทยเพื่อเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นอีกด้วย” นพ.ธงชัยกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image