‘หมอประกิต’ ชงพรรคการเมืองช่วยชาวไร่ยาสูบ ชู ‘มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์’ ต้นแบบ

‘หมอประกิต’ ชงพรรคการเมืองช่วยชาวไร่ยาสูบ ชู ‘มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์’ ต้นแบบ

วันนี้ (2 พฤษภาคม) ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบไทยขอให้พรรคการเมืองต่างๆ กำหนดนโยบาย มาตรการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบ ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนจากรายได้การปลูกใบยาสูบลดลงว่า ชาวไร่ยาสูบไทยประสบปัญหาความเดือดร้อนมาหลายปี จากการที่การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ลดโควต้าการซื้อใบยาจากชาวไร่ยาสูบลงติดต่อกัน 5 ปี ตามที่เปิดเผยโดยตัวแทนชาวไร่ยาสูบ ที่ระบุสาเหตุว่ามาจากการปรับโครงสร้างภาษี ทำให้บุหรี่ของ ยสท.ถูกบุหรี่ต่างประเทศแย่งส่วนแบ่งการตลาด ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ประกอบกับปัญหาบุหรี่เถื่อน และผลิตภัณฑ์บุหรี่ชนิดใหม่โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงการคลังช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบที่ถูกลดโควต้าด้วยการให้เงินชดเชย

“อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้เกิดขึ้นกับชาวไร่ยาสูบในประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่าปริมาณต้องการใบยาสูบโดยรวมของโลกลดลงร้อยละ 20 ระหว่าง ปี ค.ศ.2013-2018 เพราะทั่วโลกมีการสูบบุหรี่ลดลง ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้นิโคตินสังเคราะห์แทนนิโคตินที่สกัดจากใบยา” ศ.นพ.ประกิตกล่าว

ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า มีตัวอย่างประเทศที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับไทย คือ รัฐบาลมาเลเซียช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบตั้งแต่ปี ค.ศ.2010-2012 ทำโครงการปลูกพืชตระกูลปอ (Kenaf) ทดแทนครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การแปรรูปเป็นวัสดุทางอุตสาหกรรม มีการขึ้นภาษียาสูบและนำภาษีที่เก็บได้มาสนับสนุนชาวไร่ยาสูบ 23,000 ครัวเรือน ล่าสุด มีชาวไร่ยาสูบเหลือเพียง 100 ครัวเรือน เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ มีบริษัทบุหรี่ข้ามชาติมาตั้งฐานผลิตบุหรี่ขายทั้งในฟิลิปปินส์และส่งออกทั่วอาเซียน โดยมีการประกาศใช้กฎหมายภาษีบาป เก็บภาษีเพิ่มจากสุราและยาสูบ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และปัจจุบันมีการขึ้นภาษีทุกปี พร้อมกำหนดให้นำเงินภาษี ร้อยละ 5 แต่ไม่เกิน 4,000 ล้านเปโซต่อปี (ราว 2,400 ล้านบาท) จัดสรรให้จังหวัดที่ปลูกพืชยาสูบ เพื่อใช้สนับสนุนการปลูกพืชทดแทน และการพัฒนาด้านอื่นๆ ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนอาชีพของชาวไร่ยาสูบ และสนับสนุนประกันสุขภาพคนจนทั่วประเทศ

Advertisement

“กรณีศึกษาทั้ง 2 ประเทศนี้ สำนักเลขานุการอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก นำไปเป็นตัวอย่างให้แก่สมาชิกประเทศช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบตามข้อกำหนดข้อ 17-18 ว่าด้วยการแก้ปัญหาชาวไร่ยาสูบให้ออกจากอาชีพทำไร่ยาสูบ ที่นับวันอาชีพชาวไร่ยาสูบจึงนับวันจะอยู่ยากลำบากยิ่งขึ้น เพราะคนสูบบุหรี่ลดลง ยากที่จะคงสภาพความมั่นคงของอาชีพนี้ไว้ได้ ทั้งนี้ หวังว่าพรรคการเมืองต่างๆ ของประเทศไทยจะได้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่องอย่างจริงจังตามที่มีหลายประเทศทำสำเร็จมาแล้ว ซึ่งประเด็นรณรงค์วันไม่สูบบุหรี่โลกปีนี้ ที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก คือ ‘Grow foods, not tobacco’ หรือ ‘ปลูกพืชที่เป็นอาหาร ไม่ใช่ยาสูบ’ ซึ่งผมยินดีสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาให้ชาวไร่ยาสูบมีอาชีพมั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีสุขภาพดี” ศ.นพ.ประกิตกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image