อนามัยโลกชี้โควิด-19 ยังไม่ใช่โรคประจำถิ่น แนะกลุ่มเปราะบางฉีดวัคซีนป้องกัน

อนามัยโลกชี้โควิด-19 ยังไม่ใช่โรคประจำถิ่น แนะกลุ่มเปราะบางฉีดวัคซีนป้องกัน

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2566) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก 2 คน คือ ดร.ไมค์ ไรอัน กรรมการบริหารโครงการฉุกเฉินด้านสุขภาพขององค์การอนามัยโลก และ ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ หัวหน้าด้านเทคนิคสำหรับการตอบสนองของโควิด-19 ประจำองค์การอนามัยโลก ได้ตอบคำถามสำคัญ 3 ข้อ ที่ประชาชนสนใจสอบถามผ่านสื่อดิจิทัล หลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินในวิกฤตโควิด-19 ไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ดังนี้

1.ไม่สามารถกำจัดไวรัสโคโรนา 2019 ให้หมดไปจากโลก (eradication) หรือกำจัดให้หมดไปจากท้องถิ่น (elimination) ได้เหมือนกับที่เคยกำจัดไวรัสไข้ทรพิษด้วยการปลูกฝีในอดีต หรือไวรัสโปลิโอที่ใกล้จะสูญพันธุ์หมดไปจากโลกจากการหยอดวัคซีน ทั้งนี้ เนื่องจากไวรัสทั้งสอง (ไวรัสไข้ทรพิษ และ ไวรัสโปลิโอ) มีการระบาดเฉพาะในมนุษย์เท่านั้น จึงง่ายที่จะควบคุมหรือกำจัด ส่วนโคโรนาสามารถติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน และจากคนกลับสู่สัตว์ (zoonotic infection) จึงเป็นการยากมากที่จะกำจัดไวรัสที่แพร่ระบาดในสัตว์และข้ามไปมาในคน

2.โควิด-19 ทางองค์การอนามัยโลกยังถือว่ามีการระบาดทั่วโลก (Pandemic) ยังไม่ใช่โรคประจำถิ่น (Endemic)

Advertisement

3.การระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ ยังไม่ใช่โรคที่ระบาดตามฤดูกาล (Seasonal infectious disease) เหมือนไข้หวัดใหญ่ เพราะองค์การอนามัยโลกยังไม่พบรูปแบบการระบาดในแต่ละช่วงของปี ดังนั้น ในกรณีของไวรัสโคโรนา 2019 หากเกิดการกลายพันธุ์เมื่อใด ก็สามารถก่อให้เกิดการระบาดได้เมื่อนั้นในทุกช่วงของปี

4.องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อมูลพอเพียงในขณะนี้ที่จะกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม หรือความถี่ห่างในการฉีดวัคซีนและเข็มกระตุ้น แต่สนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเปราะบางเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อมีการระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ระบุว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขโลกเกี่ยวกับโควิด-19 ถูกประกาศโดยองค์การอนามัยโลก เมื่อเดือนมกราคม 2563 และสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ดังนั้นระยะเวลาของการประกาศฉุกเฉินสาธารณสุขโลกเป็นประมาณ 3 ปี

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image