ปลัดสธ. สั่งแก้ปัญหา “หนี้เสีย” บุคลากรสาธารณสุข สูงทะลุ 200 ลบ. มอบ หมอทวีศิลป์ เจรจาสถาบันการเงิน ปรับลดดอกเบี้ย

ปลัดสธ. สั่งแก้ปัญหา “หนี้เสีย” บุคลากรสาธารณสุข สูงทะลุ 200 ลบ. มอบ หมอทวีศิลป์ เจรจาสถาบันการเงิน ปรับลดดอกเบี้ย เผย ส่วนใหญ่เป็นหนี้บ้าน-กู้ลงทุน

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ว่า วันนี้เป็นการประชุม สป.สธ. ตามปกติ มีการติดตามเชิงนโยบายหลายเรื่อง เช่น 1.การดูแลบุคลากร ซึ่งที่ผ่านมา สธ. มีตำแหน่งข้าราชการและบุคลากรว่างค่อนข้างเยอะ วันนี้ติตตามพบว่าเปอร์เซ็นต์ตำแหน่งว่างลดลงจากเดิมร้อยละ 7-8 เหลือร้อยละ 5 ก็มีการเร่งรัดในส่วนนี้ให้สอดคล้องกับการเตรียมทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีของ สธ. ซึ่งปัจจุบันระบบการแพทย์มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ดังนั้น การจัดบุคลากรจึงต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ให้สอดรับกับความต้องการของประชาชน เช่น การใช้เทเลเมดดิซีน (Telemedicine) การส่งยาเดลิเวอรีใกล้บ้าน และการพัฒนาบุคลากรในสาขาวิชาชีพที่มีความต้องการ เช่น ทันตแพทย์

นพ.โอภาส กล่าวว่า 2.การติดตามนโยบายพลังงาน ด้วยการติดแผงโซล่าเซลล์ ที่พบว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมา หลายโรงพยาบาล (รพ.) เสียค่าไฟเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกร้อยละ 20-30 ดังนั้น การติดโซล่าเซลล์หรือโซล่ารูฟ ก็ทำให้ประหยัดพลังงานขึ้น โดยปัจจุบันมีการติดตั้งแล้วร้อยละ 20 ของแผนทั้งหมด ที่เหลือจะทยอยติดตั้งต่อไปใน 3-4 เดือน ซึ่งวันนี้มีการเร่งรัดว่าใน รพ. ที่มีแผนการติดตั้งในปีงบประมาณ 2567 ก็ให้เร่งรัดติดให้เสร็จภายในปี 2566 เพราะในปีงบประมาณ 2567-2568 จะต้องวางแผนการจัดอุปกรณ์ประหยัดพลังงานอื่น ๆ และวางแผนปรับเปลี่ยนรถพยาบาลให้เป็นระบบไฟฟ้า 3.การจัดบริการให้กับประชาชน เช่น การเพิ่มบุคลากรเฉพาะเวชศาสตร์ฉุกเฉิน การจัดบริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน เช่น การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งวันนี้มีการสรุปยอดการรักษาผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดแบบเช้าไปเย็นกลับ (One Day Surgery : ODS) ให้บริการไปแล้ว 2-3 หมื่นรายต่อปี พบว่า ผลข้างเคียงการรักษาน้อย ประชาชนได้รับความสะดวก ประหยัดเวลาและงบประมาณภาพรวม จึงมีการเร่งรัดหัตถการที่สามารถทำ ODS ได้ ก็ให้เร่งดำเนินการ เช่น การส่องกล้องลำไส้เพื่อหาความผิดปกติในลำไส้ ที่เดิมทำได้ใน รพ.ขนาดกลางและใหญ่ ก็ให้หารือกันว่าจะปรับมาให้บริการใน รพ.ชุมชนได้อย่างไร

นพ.โอภาส กล่าวว่า และ 4.การดูแลขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่และบุคลากร ซึ่งพบว่ามีภาระหนี้สินอยู่จำนวนหนึ่ง จำเป็นที่ต้องดูแล จึงมอบหมายให้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดสธ. ในการประสานกับสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อจัดระบบดูแลเจ้าหน้าที่ ขณะที่ การเพิ่มค่าเสี่ยงภัยโควิด-19 รอบสองให้บุคลากร นั้น อยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)ด้าน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงแนวทางการดูแลบุคลากรเรื่องหนี้สิน ว่า ขณะนี้จะมีการสำรวจหนี้สิน โดยเฉพาะกลุ่ม Non-Performing Loan (NPL) หรือ หนี้เสีย ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งต้องคุยกับธนาคาร โดยเราจะดูตัวอย่างจากกระทรวงอื่นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ และของตำรวจ ซึ่งในส่วนของ สธ. มีการสำรวจตัวเลขหนี้เสียจากธนาคารแห่งหนึ่ง ประมาณ 200 ล้านบาท โดยเราจะเจาะตัวบุคคล ดูเรื่องสถาบันการเงิน เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ ถือเป็นเจ้าหน้าหนี้รายต้นๆ มีทุกจังหวัด โดยสถาบันการเงินจะเข้ามาช่วยลดภาระหนี้ด้วยการลดดอกเบี้ยให้ ขณะนี้มีการพูดคุยของคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องหนี้อยู่ ล่าสุดธนาคารออมสิน ก็จะมีแนวทางในการลดดอกเบี้ยให้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม จะดูตัวอย่างความสำเร็จของสหกรณ์ฯ สัก 2-3 แห่ง และขยายต่อไป

Advertisement

เมื่อถามว่ากรณีการสำรวจข้อมูลหนี้สินบุคลากร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับหนี้สินของบุคลากรทางการแพทย์ค่อนข้างหายาก เบื้องต้นทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขเคยร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำรวจปัญหาหนี้สินเมื่อปี 2562 จำนวน 6 หมื่นตัวอย่าง ก็จะนำข้อมูลนั้นมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่จะทำการสำรวจร่วมกับธนาคารออมสิน ว่าตรงกันหรือไม่อย่างไร แล้วจึงค่อยหาแนวทางแก้ไขต่อไป โดยส่วนใหญ่บุคลากรจะกู้เงินไปเพื่อซื้อบ้าน และบางส่วนอาจมีการประกอบอาชีพเสริมอื่นๆ ซึ่งในช่วงเกิดโรคโควิด-19 ระบาด อาจทำให้ประสบปัญหาด้านการเงิน ทำให้เป็นหนี้สิน โดยการแก้ปัญหาหนี้สินของกระทรวงสาธารณสุขนั้น จะศึกษาต้นแบบจากการแก้ปัญหาหนี้สินของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีการแก้ไขปัญหานี้มาอย่างต่อเนื่อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image