สบส.แก้ปมลักลอบ ‘อุ้มบุญ’ ทบทวน กม.มุ่งเสริมสิทธิประโยชน์คู่สมรส เพิ่มโทษคนทำผิด

สบส.แก้ปมลักลอบ “อุ้มบุญ” ทบทวน กม.มุ่งเสริมสิทธิประโยชน์คู่สมรส เพิ่มโทษคนทำผิด

วันนี้ (11 พฤษภาคม 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินหน้าแก้ไขปัญหาการอุ้มบุญผิดกฎหมาย โดยทบทวนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เน้นส่งเสริมสิทธิประโยชน์ให้คู่สามีภรรยาที่ต้องการมีบุตร และเพิ่มอัตราโทษแก่ผู้กระทำผิดกฎหมายทั้งในและนอกราชอาณาจักรไทย

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดี สบส. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้ สบส.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสถานพยาบาลที่มีข้อมูลเบาะแสว่ามีความเชื่อมโยงกับกระบวนการรับจ้างอุ้มบุญ รวมทั้งมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในการยกระดับคดีอุ้มบุญเป็นคดีพิเศษ เพื่อนำผู้กระทำผิด ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาดำเนินการตามกฎหมาย แต่ยังพบรายงานข้อมูลหญิงรับจ้างอุ้มบุญผิดกฎหมายเป็นระยะ ซึ่งการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าว มักมีการดำเนินการเป็นขบวนการ เกี่ยวเนื่องกันทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น สบส. จึงดำเนินการทบทวนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมปรับปรุงกฎหมายบางมาตราให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

Advertisement

โดยมีสาระสำคัญในการกำหนดนิยามของผู้อนุญาต พนักงานเจ้าหน้าที่ หนังสือรับรองมาตรฐาน การห้ามผู้ใดกระทำการเป็นคนกลาง นายหน้า ให้เกิดการรับจ้างตั้งครรภ์แทน ทั้งในและนอกราชอาณาจักรไทย การเพิ่มอัตราโทษปรับ และจำคุก แก่ผู้รับจ้างตั้งครรภ์แทน คนกลาง หรือนายหน้า เพื่อป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย” นพ.สุระกล่าว

ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชนซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จำนวน 108 แห่ง แบ่งเป็นสถานพยาบาลภาครัฐ จำนวน 16 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน 92 แห่ง โดยคลังข้อมูลด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ ของประเทศไทย พบว่ามีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 46 มีการให้บริการทำเด็กหลอดแก้วกว่า 20,000 รอบการรักษา การผสมเทียมกว่า 12,000 รอบการรักษา สร้างรายได้ในบริการทางการแพทย์นี้กว่า 4,500 ล้านบาท และด้วยรายได้ทางการแพทย์ที่มีมูลค่านับพันล้านบาท รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการอุ้มบุญเป็นกลุ่มผู้ได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้จ้างอุ้มบุญ หญิงรับจ้างอุ้มบุญ นายหน้าต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์โดยมิได้คำนึงในด้านกฎหมาย และจริยธรรม

“การทบทวนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ ให้เข้ากับสภาพการณ์ในปัจจุบัน จะช่วยยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย อุดช่องว่างมิให้เกิดการทำธุรกิจอุ้มบุญผิดกฎหมาย อีกทั้ง เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการให้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และช่วยส่งเสริมให้คู่สามี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายได้มีบุตรตามที่มุ่งหวัง” นพ.อาคมกล่าว และว่า หากประชาชนพบเห็น หรือทราบเบาะแส การกระทำผิดกฎหมายเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ อาทิ การรับจ้างอุ้มบุญ โฆษณาชักชวนให้รับจ้างอุ้มบุญ หรือพบการซื้อขายไข่ อสุจิ ฯลฯ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สบส.1426 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image