ปลัด สธ. เผยโควิดไทยขาลง แจงเหตุคนติดเชื้อไอเรื้อรัง เพราะไวรัสทำหลอดลมตีบ
วันนี้ (3 กรกฎาคม 2566) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย สอดคล้องกับที่มีสัญญาณในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แนวโน้มผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต เริ่มลดลง และส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มผู้ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19
“ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการระบาดรูประฆังคว่ำ ที่พุ่งสูงขึ้นแล้วค่อยๆ ลดลง ตอนนี้อยู่ในช่วงขาลงแล้ว ทั้งนี้ จะต้องดูสถานการณ์อีกครั้งในช่วงปิดเทอม ปีใหม่ และช่วงหน้าหนาว แต่ยังไม่มีอะไรที่น่ากังวล” นพ.โอภาสกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่ติดโควิด-19 ในระยะหลังพบว่ามีอาการลองโควิดเรื้อรังมากขึ้น แม้ว่าจะฉีดวัคซีนมาแล้ว ก็ยังพบอาการลองโควิด เช่น ไอเรื้อรัง นพ.โอภสกล่าวว่า จริงๆ คำว่า ลองโควิด เป็นคำที่ไม่เป็นทางการ องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ไม่ได้พูดถึงคำว่าลองโควิด
“ส่วนเรื่องอาการที่เกิดขึ้นนั้น เวลาที่เราติดเชื้อโควิด-19 ก็มีอาการหลายแบบ บางครั้งก็เกิดอาการตามหลังได้ เท่าที่ตามดูข้อมูลจากโรงพยาบาล (รพ.) ต่างๆ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องลองโควิดมาก มีบางส่วนที่รู้สึกไม่สบายตัว แต่ไม่มีอาการเฉพาะเจาะจง สุดท้ายอาการต่างๆ ก็จะหายไป ทั้งนี้ กรมการแพทย์ก็ยังเฝ้าระวังเรื่องนี้อยู่ใกล้ชิด เบื้องต้นคิดว่าไม่มีปัญหาจนน่าวิตกกังวล ส่วนอาการไอเรื้อรัง ก็เกิดขึ้นได้ เพราะเชื้อไวรัสทางเดินหายใจหลายตัว เมื่อหายติดเชื้อ ก็จะกระตุ้นให้หลอดลมตีบ คล้ายเป็นหอบหืด ซึ่งจะเป็นอีกระยะหนึ่ง อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ถ้าเกิดมีปัญหา ก็ควรไปปรึกษาแพทย์” นพ.โอภาสกล่าว
ปลัด สธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ปัจจุบันก็ยังมีการฉีดอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ซึ่งกำลังปรับกระบวนการฉีดวัคซีนเชิงรุกให้เข้มข้นขึ้น ส่วนคนทั่วไป เมื่อติดเชื้อก็จะไม่มีอาการรุนแรงแล้ว
“ส่วนใหญ่ คนไม่ฉีดวัคซีนเพราะกลัวว่าฉีดมากเกินไปแล้วจะไม่ดี ส่วนใหญ่กลายเป็นญาติๆ ที่ไม่อยากให้ผู้สูงอายุฉีด แต่ยืนยันว่าวัคซีนมีความปลอดภัย และมีประโยชน์” นพ.โอภาสกล่าวย้ำ