หมอประกิตเตือนรัฐบาลถ้าหวังภาษีบุหรี่ไฟฟ้า หวั่น! ซ้ำรอยสหรัฐ ค่ารักษาพุ่งปีละ 5 แสนล้านบาท

หมอประกิตเตือนรัฐบาลถ้าหวังภาษีบุหรี่ไฟฟ้า หวั่น! ซ้ำรอยสหรัฐ ค่ารักษาพุ่งปีละ 5 แสนล้านบาท

วันนี้ (14 กรกฎาคม 2566) ศ.นพ ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงข้อมูลงานวิจัยค่าใช้จ่ายรักษาสุขภาพของคนที่ป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ที่สูงถึงปีละกว่า 5 แสนล้านบาทว่า งานวิจัยได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำ Tobacco Control เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก สหรัฐ ได้สำรวจค่าใช้จ่ายรักษาสุขภาพของคนที่ป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสหรัฐ โดยใช้ข้อมูลสำรวจระหว่างปี 2558-2561 ในคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยค่ารักษาพยาบาลรวมถึง การนอนรักษาในโรงพยาบาล การไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินที่คลินิกแพทย์ และการเยี่ยมไข้ที่บ้าน

“ผลวิจัยพบค่าใช้จ่ายทางสุขภาพคนป่วยจากการสูบบุหรี่รวม 15 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (525,000 ล้านบาท) คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายรักษาสุขภาพมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ 2,024 เหรียญสหรัฐต่อปี (70,840 บาท) ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายรักษาสุขภาพนี้ไม่นับรวมเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กนักเรียน เท่ากับ ร้อยละ 20.8 ในปี 2561 ขณะที่อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป เท่ากับ ร้อยละ 3.7” ศ.นพ.ประกิตกล่าว

ศ.นพ.ประกิตกล่าวว่า การเปิดเผยข้อมูลวิจัยนี้ เพื่อให้รัฐบาลที่จะมีการตั้งขึ้นใหม่รับรู้ว่า การยกเลิกมาตรการห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยหวังให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากภาษีบุหรี่ไฟฟ้า ภาษีที่เก็บได้เพิ่มขึ้น ไม่คุ้มกับค่ารักษาพยาบาลคนที่จะป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าระบาดในไทยช้ากว่าสหรัฐ และยังไม่มีระบบรายงานผู้ที่ป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างที่สหรัฐมี แต่ก็เริ่มพบคนไข้ที่ป่วยจากการสูบบุหรี่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งหากรัฐบาลไทยยกเลิกการห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น ภาษีที่จะเก็บได้เพิ่มขึ้น จะไม่คุ้มกับค่ารักษาพยาบาลคนที่ป่วยจากบุหรี่ไฟฟ้า นอกเหนือจากจำนวนคนป่วยจากบุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จะไปเพิ่มภาระของแพทย์และโรงพยาบาล ซึ่งมีคนไข้ล้นโรงพยาบาลของรัฐอยู่แล้ว

Advertisement

ศ.นพ.ประกิตกล่าวอีกว่า ดร.เอเดรียน่า บลังโค มาร์คิโซ่ หัวหน้าสำนักเลขาธิการอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก ที่เดินทางมาประเมินความจำเป็นในการควบคุมยาสูบของไทย ได้ให้คำแนะนำกับรัฐบาลไทยหลังเสร็จสิ้นการประเมินว่าข้ออ้างที่ว่าการเปิดให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น ความจริงคือ แม้เก็บภาษีได้มากขึ้น ก็ย่อมหมายความว่าผู้บริโภคจะต้องมากขึ้นด้วยเช่นกัน

“การที่มีผู้บริโภคมากขึ้น ตรงนี้เป็นกำไรของบริษัทที่จำหน่าย แต่ไม่ใช่กำไรของภาครัฐ ที่ได้ภาษีมาเล็กน้อย เมื่อเทียบกับรายจ่ายที่ต้องเสียไปกับการดูแลสุขภาพ ดังนั้น ขอให้รัฐบาลไทยถามตัวเองว่า อะไรสำคัญกว่ากันสำหรับประชาชน รัฐบาลจะเอาสุขภาพของประชาชนหรือจะเอาเงินไปแบ่งให้อุตสาหกรรมยาสูบ” ศ.นพ.ประกิตกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image