บุคลากร สธ.ไม่อยากสังกัดท้องถิ่น ขอกลับส่วนกลางกว่า 400 คน ผู้บริหารถกแก้ปม 20 ก.ค.นี้
วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการถ่ายโอนสถานีอนามัย (สนอ.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และมีบุคลากรที่ถ่ายโอนบางส่วนเรียกร้องขอย้ายกลับไปสังกัด สธ.ว่า สธ.ได้รับทราบปัญหาข้อเรียกร้องของบุคลากรที่ถ่ายโอนไปต้องการขอโอนกลับประมาณ 400 คนเศษ และยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกรณีนี้ต้องเป็นการขอโอนกลับทั้งตัวบุคคลและตำแหน่ง เนื่องจากขณะนี้ สธ.ยังขาดอัตรากำลังจำนวนมาก ประกอบกับบุคลากรที่ถ่ายโอนไปส่วนหนึ่งเป็นบุคลากรที่มีความชำนาญจากโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ที่ถูกตัดตำแหน่งไปโดยอาศัยเงื่อนไขคู่มือการถ่ายโอน
นพ.พงศ์เกษมกล่าวว่า ทั้งนี้ จากการติดตามของคณะอนุกรรมการวิชาการและติดตามประเมินผลการถ่ายโอนภารกิจ พบว่า บุคลากรสาธารณสุขที่ต้องการย้ายกลับไปสังกัด สธ. มีเหตุผลดังนี้
1.ไม่ได้ตำแหน่งตามที่คาดหวังไว้ในตอนแรก และความก้าวหน้าของวิชาชีพไม่มีความชัดเจน
2.ได้รับค่าตอบแทนน้อยกว่า เช่น การพิจารณาความดีความชอบได้น้อยกว่าเดิม และมีความเหลื่อมล้ำในการพิจารณามาก นอกจากนี้ ค่าตอบแทนฉบับ 11 ไม่ได้ หรือได้ไม่ตรงตามกำหนด
3.สวัสดิการรักษาพยาบาลเปลี่ยนเป็นสิทธิพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งไม่เท่ากับสิทธิข้าราชการเดิม
4.ไม่มีองค์กรมารองรับสิทธิในการปฏิบัติงานด้านการรักษาพยาบาล ทำให้ไม่มั่นใจและส่งผลกระทบต่อผู้รับบริการ
5.ขาดแคลนทรัพยากรในการให้บริการ เนื่องจาก อบจ.จัดหาให้ไม่ครบถ้วน เช่น วัคซีน ทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการรับบริการ
และ 6.ขาดการส่งเสริมบทบาทด้านการส่งเสริมป้องกันโรค ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ สนอ./รพ.สต. เช่น การคัดกรองโรคมะเร็ง คัดกรองพัฒนาการเด็ก คัดกรองด้านสุขภาพจิต รวมถึงการพัฒนา care giver ที่ดูแลผู้สูงอายุ
“สธ.พร้อมช่วยเหลือบุคลากรที่ขอโอนกลับ แต่ต้องดำเนินการบนความถูกต้องของระเบียบ ส่วนการถ่ายโอนรอบปีงบประมาณ 2567 ที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการประสานงานการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้ดำเนินการต่อ โดยยึดความพร้อมของหน่วยงานที่จะถ่ายโอนและข้อตกลงเดิมเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ไม่ให้บุคลากรที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจด้านปฐมภูมิถ่ายโอน โดย รพ.สต.ที่จะถ่ายโอนต้องมีบุคลากรสมัครใจถ่ายโอนไปมากกว่าร้อยละ 70 เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบริการเหมือนที่ผ่านมา รวมทั้งมีการรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่ และมีคนกลาง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดจังหวัด เป็นประธานคณะกรรมการสุขภาพพื้นที่ โดยเรื่องนี้จะหารืออีกครั้งในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้” นพ.พงศ์เกษมกล่าว