อ.ธรณ์ ชี้ โลกเดือดคือ โลกกำลังวิกฤต และยังไม่มีทางออก ก.ค.ที่ผ่านมาอุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่เคยบันทึกมา

อ.ธรณ์ ชี้ โลกเดือด ทำอุณหภูมิ เดือน ก.ค.ร้อนที่สุดตั้งแต่เคยมีการบันทึกอุณหภูมิโลกมา

วันที่ 3 สิงหาคม ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์คลิป อธิบายเรื่องปรากฏการณ์ โลกเดือดว่า โลกเดือดนั้นในแง่วิทยาศาสตร์ ไม่มีถ้อยคำนี้ ถ้อยคำที่เรามีอยู่คือ ภาวะโลกร้อน แต่ถ้อยคำว่าโลกเดือดนี้ออกมาจากเลขาธิการองการสหประชาชาติ หมายถึงว่า โลกเข้าสู่จุดวิกฤต โลกเดือดจึงไม่มีตัวชี้วัดว่า โลกนี้ร้อน โลกนี้เดือด เพียงแต่คือ การเข้าสู่ภาวะวิกฤต และวิกฤตมากๆของโลกร้อน ที่สำคัญคือ ความวิกฤตนี้ ยังไม่มีทางออก และจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

Advertisement

ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า ภาวะโลกเดือดอาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่ผ่านมา 4-5 ปีแล้ว เพียงแต่ 3 ปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่ง ลานีญา ซึ่งช่วงลานีญานั้นโลกจะเย็นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีการระบาดของโรคโควิด หลายคนจึงหันไปให้ความสนใจกับเรื่องตรงนั้น แต่มาปีนี้ เข้าสู่ปีแห่ง เอลนีโญ ทำให้โลกร้อนขึ้น แล้งขึ้น เพราะฉะนั้น เมื่อโลกร้อน มาถึงช่วงเอลนีโญ มันจะกลายเป็นปรากฏการณ์ซ้อนทับกัน ทั้งเอลนีโญ ทั้งโลกร้อน ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเป็นประวัติการ

“เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์พบว่า เป็นเดือนกรกฎาคม ที่ร้อนที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกมา และเรายังเชื่อต่อไปว่า ยังมีอีกหลายเดือนที่อุณหภูมิจะร้อนกว่านี้ในอนาคต”ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าว

รองคณบดี คณะประมง กล่าวว่า ถ้าจะถามว่า ภาวะโลกเดือดคืออะไร ก็จะหมายความว่า เรากำลังจะเข้าสู่ยุคที่เราจะร้อนขึ้น เป็นสถิติบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น และบ่อยขึ้น แสดงให้เห็นว่า โลกร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว

Advertisement

ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า ตัวชี้วัดอีกตัวคืออุณหภูมิโลกที่จะเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ที่หลายคนกลัวว่า โลกจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับอุณหภูมิโลกยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมหรือไม่นั้น ความจริงแล้ว อุณหภูมิสูงถึงระดับนั้น มีแล้ว เกิดขึ้นแล้วในช่วงที่ผ่านมาแล้ว แต่เป็นไปในลักษณะ ขึ้นและลง ขึ้นและลง เป็ฯครั้งแรกที่แตะ 1.5 องศาเซลเซียส แต่มันก็ลงมา แล้วขึ้นไปอีก นั่นหมายความว่า โลกนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image