ผู้นำแรงงานหนุน “สุชาติ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานอีกสมัย ยันมีผลงาน
กรณี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ระบุว่า ในการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีสัดส่วน 9 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ต่อ 1 รัฐมนตรี โดยให้มีการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีให้ชัดเจนก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎรนั้น
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นายวสันต์ มหิงษา รองประธานบริหารสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย และประธานสหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย (สฮปท.) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำแรงงาน ผ่านรัฐมนตรีมาหลายคน ตั้งแต่สมัยที่กระทรวงแรงงานแยกออกมาจากกระทรวงมหาดไทย (มท.) ตนและผู้นำแรงงาน ยอมรับและยืนยันว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คนปัจจุบัน ให้ความสำคัญและเข้าใจปัญหาของผู้ใช้แรงงานมากที่สุดในบรรดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนที่ผ่านๆ มา
“ก่อนหน้านี้ ฝ่ายผู้ใช้แรงงานมีความพยายามเสนอปัญหาต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนก่อนๆ เพื่อให้เกิดการแก้ไข แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง กระทั่ง นายสุชาติ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในวันแรกที่ท่านมารับตำแหน่ง ก่อนจะออกนโยบายต่างๆ ท่านได้เชิญผู้นำแรงงาน สหภาพแรงงาน เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลปัญหากัน นำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาต่างๆ มากมาย และถือว่าเป็นวิธีการทำงานที่ถูกต้อง เมื่อนายสุชาติเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประเทศเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มผู้ใช้แรงงานติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก ภาคการผลิตแทบจะขับเคลื่อนไม่ได้ โดยเฉพาะพื้นที่ไข่แดง อย่างกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ผู้นำแรงงานได้เสนอปัญหานี้ไปถึงนายสุชาติ เมื่อท่านรับทราบปัญหาและได้นำเสนอนายกรัฐมนตรี ขอจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปให้ผู้ประกันตน มาตรา 33 ร้อยละ 10 รวมถึงจัดสถานกักกันในโรงงาน (Factory Sandbox) นำโรงแรมที่เดิมไม่มีลูกค้ามาทำเป็นสถานกักตัวผู้ติดเชื้อ (Hotel Isolation) ทำให้เจ้าของสถานประกอบการมีรายได้ มีการขับเคลื่อนแรงงาน การผลิตกลับมาฟื้นตัวได้เร็วมาก” นายวสันต์กล่าว
ทั้งนี้ นายวสันต์กล่าวว่า ภาคธุรกิจของประเทศฟื้นได้เร็ว ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนายสุชาติ ถ้าไม่มีวัคซีน ม.33 ไม่สามารถกลับมาผลิตได้
“อย่างภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ มูลค่ารายได้ 1.9 ล้านล้านบาท ช่วงก่อนมีวัคซีนลำบากมาก แต่เมื่อระดมฉีดเข็มแรกแล้ว ทุกบริษัทกลับมาผลิตได้ ทำให้สถานการณ์การผลิตไตรมาสสุดท้ายกลับมาฟื้นตัว เห็นได้จากการปรับขึ้นเงินเดือนในระดับร้อยละ 5 และโบนัสอยู่ระดับ 7-8 เดือน ซึ่งมีผลต่อเนื่องกับแรงงานทุกภาคส่วน” นายวสันต์กล่าว
นอกจากนี้ นายวสันต์กล่าวว่า ยังมีนโยบายอื่นๆ ที่นายสุชาติได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แรงงานที่มีในระบบกว่า 11 ล้านคน และนอกระบบอีกกว่า 21 ล้านคน รวมกว่า 30 ล้านคน อาทิ โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน โดยร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) และกระทรวงการคลัง ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1.99 ตลอดสัญญา 5 ปี วงเงินรายละไม่เกิน 2 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินส่วนต่างไปดูแลครอบครัวได้ และโครงการให้บริการทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ครอบคลุม 5 กลุ่มโรคร้าย โดยร่วมมือกับสถานพยาบาลกว่า 40 แห่ง ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะโรค เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไม่ต้องเดินทางไป รพ.ตามสิทธิประกันสังคม เป็นต้น
“แม้จะมีปัญหาหลายเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จ เพราะต้องใช้เวลา แต่ผู้นำแรงงาน และกลุ่มสภาแรงงาน เห็นในทิศทางเดียวกันว่า นายสุชาติมีผลงานเป็นที่ยอมรับ และมั่นใจว่าถ้าทำการสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้แรงงานทั้งประเทศ ก็จะเห็นตรงกัน แต่ต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนเดิมกลับมาสานต่องานให้สำเร็จ และพวกเราพร้อมสนับสนุนเต็มที่” นายวสันต์กล่าว