เขย่าวงการ มช.เปิดตัว “builds” โปรแกรมปั้นสตาร์ทอัพแบบครบวงจร ที่แรกในประเทศ

เขย่าวงการ มช.เปิดตัว “builds” โปรแกรมปั้นสตาร์ทอัพแบบครบวงจร ที่แรกในประเทศ

มช.เปิดตัว “builds” โปรแกรมปั้นสตาร์ทอัพจากนักศึกษาแบบครบวงจร ที่แรกในประเทศ  ตั้งเป้าดันนักศึกษา 4,200 ราย สร้างธุรกิจจริงระหว่างเรียน

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดตัว โปรแกรม builds (CMU Startup & Entrepreneurial Platform) เพื่อขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการสร้างผู้ประกอบการ (Entrepreneurial University)

โดย ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรม โดยหนึ่งในเป้าหมายของมหาวิทยาลัย คือการสร้างผลกระทบทางเศษฐกิจของประเทศไทย 60,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 4 ปี โดยก้าวสำคัญในการทำเป้าหมายให้สำเร็จ คือ ความมุ่งมั่นในการผลักดันสตาร์ทอัพ ที่มีรากฐานจากงานวิจัยในมหาวิทยาลัย โดยเปิดโอกาสให้ นักศึกษาได้นำงานวิจัยหรือเทคโนโลยีในมหาวิทยาลัยมาสร้างเป็นธุรกิจผ่านการ Spin-off ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือของประเทศไทย

Advertisement

อธิการบดี มช.กล่าวว่า เหตุผลสำคัญ 4 ประการ ในการผลักดันให้นักศึกษาได้เรียนรู้ และสร้างประสบการณ์ในการเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ได้แก่ 1. ช่วยสร้างทักษะของผู้ประกอบการที่จำเป็นในอนาคต นักศึกษาในมหาวิทยาลัยจะมีทักษะความรู้เชิงลึกในด้านความเป็นผู้ประกอบการ ที่จะช่วยให้สามารถนำความรู้ดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาธุรกิจของตนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการบริหารจัดการ 2. เพิ่มโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ Tech Spin-off จาก มช. โดยการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยีและงานวิจัย ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยมาสร้างธุรกิจในรูปแบบของสตาร์ทอัพ ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตและสามารถที่สร้างมูลค่าสูงได้

Advertisement

3. เกิดการจ้างงานทักษะสูงในพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะการจ้างงาน เช่น นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักพัฒนาธุรกิจนวัตกรรม โปรแกรมเมอร์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะสร้างโอกาสโดยการเพิ่มศักยภาพและทักษะแล้ว ยังช่วยให้มีงานรองรับในภูมิภาค ทำให้มีโอกาสทำงานในภูมิลำเนา โดยไม่ต้องจากครอบครัวไปทำงานที่ส่วนกลางหรือในเมืองหลวงเพียงอย่างเดียว 4. เป็นเครื่องมือช่วยเร่งการแก้ปัญหาความยากจนข้ามรุ่น การผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยเร่งการแก้ปัญหาความยากจนข้ามรุ่น ทำให้เกิดธุรกิจ การจ้างงาน การสร้างรายได้ ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการพัฒนาตนเองเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้านผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้านการบริหารนวัตกรรม
กล่าวว่า การเปิดตัวโปรแกรม builds ซึ่งเป็นโปรแกรมการสร้างสตาร์ทอัพและความเป็นผู้ประกอบการให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในวันนี้ มุ่งหวังที่จะสร้างกลไกการสนับสนุนและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพและความเป็นผู้ประกอบการของนักศึกษาอย่างครบวงจร

โดยโปรแกรม builds จะมีการทำงานผ่าน 5 องค์ประกอบ อันได้แก่ 1. Entrepreneurial course plug in การจัดทำหลักสูตรผู้ประกอบการ ที่เป็นวิชาสำหรับนักศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 2. Education sandbox การสร้างธุรกิจและสามารถแลกเป็นหน่วยกิตสำหรับการจบการศึกษาได้ 3. Incubation program โปรแกรมการบ่มเพาะและการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ 4. Startup club คอมมูนิตี้ของการสร้างสตาร์ทอัพจากนักศึกษาในหลากหลายคณะ เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ และเฟ้นหาเพื่อนร่วมทีมในการจัดตั้งบริษัท 5. Financial support mechanism กลไกการสนับสนุนเงินลงทุนในการสร้างธุรกิจ โดยองค์ประกอบทั้ง 5 จะเป็นกลไกสำคัญที่จะสนับสนุนให้นักศึกษาทุกชั้นปีสามารถ จัดตั้งและดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพควบคู่ไปกับการเรียนแบบปกติอย่างราบรื่น

ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญของโปรแกรม builds คือ ความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการนำหลักสูตรออนไลน์ของ LiVE Platform มาใช้ให้ความรู้กับนักศึกษา และเมื่อนักศึกษาเรียนหลักสูตรที่ถูกคัดเลือกมาจนจบจะสามารถนำไปนับเป็นหน่วยกิตได้ ซึ่ง มช. ถือเป็นมหาลัยวิทยาลัยแรกในประเทศไทยที่นำเอาหลักสูตรออนไลน์ของ LiVE Platform มาผนวกร่วมกับวิชาในมหาวิทยาลัยจนได้หน่วยกิตในการสำเร็จการศึกษา นอกจากนั้น ในปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไป จะมีการกำหนดให้ความรู้ด้านผู้ประกอบการเป็นความรู้พื้นฐานทั่วไปที่นักศึกษา มช. ทุกคนต้องเรียนรู้ อีกทั้งจะมีการผลักดันให้เกิดวิชาโท (Minor) ด้านความเป็นผู้ประกอบการอย่างเต็มรูปแบบ

ขณะที่ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ กล่าวว่า ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การผลักดันมหาวิทยาลัยให้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการสร้างผู้ประกอบการนั้น นอกจากจะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้แก่มหาวิทยาลัย สร้างทักษะและองค์ความรู้ให้กับนักศึกษาในด้านการเป็นผู้ประกอบการ ยังเป็นการสร้างรายได้ พัฒนาเศรษฐกิจ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมายและความท้าท้ายว่า ภายในปี 2569 โปรแกรม builds จะสามารถสร้างนักศึกษาที่สนใจการสร้างสตาร์ทอัพ และความเป็นผู้ประกอบการได้มากกว่า 4,200 คน เกิดทีมนักศึกษาที่เริ่มสร้างสรรค์ไอเดียธุรกิจไม่น้อยกว่า 600 ทีม นำไปสู่การตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพไม่น้อยกว่า 240 บริษัท เกิดการจ้างงานทักษะสูงในพื้นที่มากกว่า 3,600 ตำแหน่ง สร้างรายได้มากกว่า 4,500 ล้านบาท และทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือเติบโตขึ้นอีกราว 8,100 ล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image