กรมวิทยาศาสตร์ฯ จับตา “โควิด” ต่อเนื่อง เผยพบโอมิครอน EG.5.1 แล้ว 15 ราย
วันนี้ (18 สิงหาคม 2566) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีองค์การอยามัยโลก (WHO) จัดให้โรคโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.X หรือ BA.2.86 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าติดตาม เนื่องจากพบว่ามีการกลายพันธุ์เป็นจำนวนมาก ว่า กรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้ติดตามรายงานขององค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ก็ทราบว่า ได้มีจัดให้สายพันธุ์ BA2.86 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ VUM ซึ่งต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติม เพราะยังมีจำนวนที่พบน้อยมาก และยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐานในห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ที่พบว่ามีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง
“ซึ่งจะต้องนำมาเปรียบเทียบกับรหัสพันธุกรรมโควิด-19 จริงที่มีอยู่ และหลายครั้งก็พบว่า ไม่ได้เป็นไปตามข้อมูลที่พบในแล็บ กรณี BA.2.86 ก็ต้องรอพิสูจน์อีกระยะ ส่วนที่มีระบุว่า เป็นสายพันธุ์ BA.2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์เก่าแต่กลับมาโผล่อีกครั้ง ก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะหากโผล่มาแล้ว 2 สัปดาห์ แล้วหายไปก็จบ ดังนั้น สายพันธุ์ที่จะอยู่ได้ต่อไปจะต้องแพร่ระบาดได้เร็ว ซึ่งในอดีตสายพันธุ์เบต้า เป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงที่สุด แต่เนื่องจากแพร่ระบาดได้ไม่เร็ว ในที่สุดก็หายไป” นพ.ศุภกิจ กล่าวและว่า สิ่งที่ต้องจับตาดู BA.2.86 นั้น จะดูว่า มีความสามารถในการระบาดเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากสัดส่วนเพิ่มขึ้นจริง คาดว่าใช้เวลาไม่นานก็จะมาแทนที่ตัวเดิม แต่ขณะนี้ พบเพียง 4 คนเท่านั้น จากตัวเลขการติดเชื้อทั่วโลกวันละนับแสนคน และดูความรุนแรงของผู้ป่วยและอัตราการตาย หากไม่เพิ่มขึ้นมาก ก็แสดงว่าไม่รุนแรง และดูว่าหลบภูมิคุ้มกันหรือไม่ เพื่อดูประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ จึงขอให้ความมั่นใจกับคนไทยว่า กรมวิทยาศาสตร์ฯ มีการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 ทั้งตัวทุกสัปดาห์ และติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากมีในไทยก็สามารถตรวจพบได้แน่
นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อไปว่า สำหรับประเทศไทยสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดเป็นหลักยังคงเป็น สายพันธุ์ XBB.1.16 ส่วนสายพันธุ์ย่อย EG.5.1 ที่องค์การอนามัยโลกยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องให้ความสนใจ หรือ VOI ซึ่งเดิมพบ 8 ตัวอย่าง และการถอดรหัสพันธุกรรมรอบใหม่เดือนสิงหาคม พบอีก 7 ตัวอย่าง รวม 15 ตัวอย่าง ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เพราะสายพันธุ์ EG.5.1 กำลังระบาดในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ยุโรปบางส่วน ฯลฯขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์ฯ กำลังจับตาดู คาดว่าจะติดต่อกันได้ง่ายขึ้น แต่ไม่รุนแรง ทั้งนี้ การป้องกันตนเองทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงที่ชุมชน และฉีดวัคซีนป้องกัน ยังเป็นมาตรการที่ป้องกันได้ดี