หมอฉุกเฉิน ย้ำ! ถูก ‘งูกัด’ ต้องไป รพ.ทุกเคส เลิกพอกสมุนไพร-เชือกรัดแผล หวั่นติดเชื้อเพิ่ม

แฟ้มภาพ

หมอฉุกเฉิน ย้ำ! ถูก “งูกัด” ต้องไป รพ.ทุกเคส เลิกพอกสมุนไพร-เชือกรัดแผล หวั่นติดเชื้อเพิ่ม

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พญ.บุษกร ไพศาลโรจนรัตน์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาล (รพ.) นพรัตนราชธานี ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลผู้ป่วยถูกงูกัดว่า การถูกงูกัดเป็นภาวะฉุกเฉินหนึ่งทางการแพทย์ โดยปกติงูจะมี 2 ชนิด คือ งูมีพิษและงูที่ไม่มีพิษ สำหรับพิษของงูเมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วจะทำลาย 2 ระบบ คือ 1.ระบบประสาท เช่น งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา ฯลฯ และ 2.ระบบการไหลเวียนโลหิตที่ทำให้เลือดแข็งตัว เช่น งูเขียวหางไหม้ งูแมวเซา งูกะปะ ฯลฯ ดังนั้น คำแนะนำเมื่อถูกงูกัด อันดับแรกคือ ให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด พยายามขยับบริเวณที่ถูกกัดให้น้อยที่สุดด้วยการหาไม้มาดามบริเวณแผล ป้องกันพิษไหลเวียนในกระแสเลือด จากนั้นให้รีบนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษา

พญ.บุษกรกล่าวว่า กรณีที่มีภาพถ่ายหรือสามารถนำงูตัวที่กัดไปให้แพทย์ผู้ทำการรักษาดูได้ แพทย์ก็จะประเมินเบื้องต้นได้ว่าเป็นงูมีพิษหรือไม่มีพิษ โดยดูจากแผล ดูจากถิ่นที่อยู่อาศัย หรือพื้นที่ที่ผู้ป่วยถูกงูกัด หรือแพทย์ก็จะส่งรูปไปยังศูนย์พิษวิทยายืนยันชนิดของงู เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง สิ่งที่ต้องเน้นย้ำ คือ ปัจจุบันทางการแพทย์ไม่แนะนำให้นำเชือกมารัดเหนือแผล เพราะหากแผลที่ถูกกัดมีอาการบวมอยู่แล้ว ถ้ายิ่งนำเชือกไปรัด ก็จะทำให้แผลบวมขึ้นมากกว่าเดิม จึงแนะนำให้รีบมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี

“การจะแยกงูว่า มีพิษหรือไม่มีพิษ ไม่สามารถแยกด้วยสายตาหรืออาการหลังถูกกัดได้เพราะอาการของงูกัดถ้าเกิดขึ้นในระบบประสาท ส่วนใหญ่จะแสดงอาการใน 24 ชั่วโมง เช่น หนังตาตก หายใจอ่อนแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ถ้าเกิดในระบบไหลเวียนโลหิต อาจจะเกิดอาการใน 3-5 วัน ดังนั้น หลังงูกัดแล้วอาจดูปกติ แต่ก็ต้องมาพบแพทย์ เพื่อทำการรักษา หรือถ้าเป็นงูไม่มีพิษก็ต้องทำการล้างแผลให้ถูกต้อง และไม่ควรนำสมุนไพรมาพอกบริเวณแผลด้วย เพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้” พญ.บุษกรกล่าว

Advertisement

พญ.บุษกรกล่าวว่า ปัจจุบันสภากาชาดไทย มีเซรุ่มต้านพิษงูทั้งแบบชนิดรวมและแบบเดี่ยว ซึ่งหากยังไม่ทราบว่าถูกงูชนิดใดกัด ก็สามารถใช้ชนิดรวมได้โดยจะแบ่งตามอาการที่เกิดขึ้น คืออาการระบบประสาทและระบบไหลเวียนโลหิต แต่ถ้าทราบว่าเป็นงูชนิดใดก็ใช้ชนิดเดี่ยวเฉพาะได้ ซึ่งการใช้เซรุ่มต้านพิษงูก็จะใช้ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่กำหนดโดยสภากาชาดไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image