เปิดตัวเลขคนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จพุ่ง 7.97 ต่อแสนคน กรมสุขภาพจิต เร่งรณรงค์สังคมช่วยจับตา

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ศูนย์การค้ายูเนียนมอลล์ นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในระหว่างเป็นประธานจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก ประจำปี 2566 ว่า ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ทุกๆ วันที่ 10 กันยายนของทุกปี เป็น ‘วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก’ หรือ ‘World Suicide Prevention Day’ เพื่อสร้างความตระหนักให้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการป้องกันการฆ่าตัวตายและความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิต โดยเฉพาะการสูญเสียของประชาชนจากการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่รัฐต้องให้ความสำคัญ เพราะสุขภาพจิตถือว่าเป็นข้อบ่งชี้และเกี่ยวข้องในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงของระบบการเรียนการศึกษา ทุกการเปลี่ยนแปลงนี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคนไทยได้อย่างต่อเนื่อง

“คนส่วนหนึ่งสามารถปรับตัวได้ แต่คนอีกจำนวนหนึ่งอาจไม่พร้อมในการปรับตัว ก็จะส่งผลกระทบด้านสุขภาพจิตได้มาก ซึ่งตัวเลขประมาณการของผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย จากใบมรณบัตร โดยกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข ปี 2565 ที่ผ่านมาอยู่พบว่า ที่ 7.97 ต่อแสนประชากรต่อปี ซึ่งสูงกว่าปี 2564 ที่มีอัตราอยู่ที่ 7.35 ต่อแสนประชากรต่อปีอีกด้วย วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลกปีนี้ กรมสุขภาพจิตได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของปัญหาการฆ่าตัวตายในสังคมไทย” นพ.ศิริศักดิ์ กล่าว

นพ.ศิริศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้กรมสุขภาพจิตยังได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ประกอบด้วย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย สอดคล้องกับหัวใจสำคัญของการทำงานปีนี้ เราต้องการให้สังคมไทยสามารถร่วมมือและช่วยเหลือกันและกันเพื่อหยุดยั้งการฆ่าตัวตาย ซึ่งทุกคนสามารถเป็นผู้ช่วยเหลือ ผู้ให้โอกาสเพื่อให้ผู้ที่กำลังอยู่ในสภาวะเปราะบางได้กลับมาใช้ชีวิตได้ดังเดิมและจะมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในหลายช่องทางร่วมกับหลายๆองค์กรเครือข่าย มุ่งเป้าให้คนไทยสามารถใช้พลังใจ และรู้สึกมีหวังในสถานการณ์ที่เคร่งเครียด ให้ทุกคนเห็นว่าทุกคนในสังคมมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและนำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศชาติในวันพรุ่งนี้ และลดการสูญเสียให้น้อยที่สุดด้าน พญ.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการกองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัญหาการฆ่าตัวตายนอกจากจะก่อให้เกิดความสูญเสียต่อสังคมและเศรษฐกิจทั่วโลกแล้ว อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จยังถือเป็นข้อบ่งชี้ที่สำคัญของสถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิตของประชาชนในประเทศ ซึ่งองค์การอนามัยโลกคาดว่าในแต่ละปีจะมีการฆ่าตัวตายสำเร็จเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน หรือเท่ากับมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน ทุก 40 วินาที นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังประมาณว่าเมื่อมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จจะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อบุคคลใกล้ชิด หรือคนในครอบครัวอย่างน้อย 6 คนอีกด้วย ซึ่งเป้าหมายในยุทธศาสตร์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ พ.ศ.2564 – 2565 ที่กำหนดให้อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จต้องไม่เกิน 8.0 ต่อแสนประชากร สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมีศักยภาพในรับฟังเสียงที่อยู่ในความรู้สึกของตัวเองมากยิ่งขึ้น ปัจจัยหนึ่งมาจากทุกภาคส่วน ในสังคมที่หันมาร่วมเป็นสื่อกลางในการรับฟังเสียงจากหัวใจของประชาชน เพื่อการช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาได้อย่างทันท่วงที หรือ อสม. ช่วยประเมินให้ โดยระบบให้การช่วยเหลือเปิดบริการเมื่อ 1 มกราคม 2562 จนถึงปัจจุบันมีผู้ให้ข้อมูลถึง 4.4 ล้านราย

พญ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรมสุขภาพจิตยังมีช่องทางบริการปรึกษาออนไลน์ผ่านช่องแชทไลน์ @คุยกัน และเชื่อมโยงกับการดำเนินงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้ทีมปฏิบัติการ Hope Task Force ในการช่วยเหลือผู้ส่งสัญญาณเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายผ่านทางช่องทางออนไลน์ แต่ทั้งนี้การช่วยเหลือที่ทรงพลังที่สุดคือความร่วมมือจากทุกพลังในสังคม ที่จะไม่มองข้ามหรือปล่อยให้ความทุกข์ของใครคนใดคนหนึ่ง เราสามารถร่วมกันหยุดยั้งจากการสังเกต และส่งผ่านพลังใจให้เกิดพลังในการหยัดยืนได้อย่างมั่นคง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image