“พิพัฒน์” สั่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล เปิด 24 ชม. ยันพยายามเต็มที่

“พิพัฒน์” สั่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล เปิด 24 ชม. ยันพยายามเต็มที่

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 8 ตุลาคม ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือ/ดูแล แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ในภาวะสงคราม โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม และได้มีการวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังสถานอัครราชทูตอิสราเอล ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อติดตามสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่อยู่จากเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นขณะนี้โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ

โดย นายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอิสราเอล รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแรงงานไทย ว่า ล่าสุด มีแรงงานไทยเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 8 ราย โดยล่าสุดได้รับการรักษาและกลับมาพักฟื้นที่แคมป์แรงงานไทยแล้ว ขณะผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันยังคงมี 11 ราย ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีการสู้รบตอบโต้กัน แต่ตนเองอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่แรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบซึ่งอยู่ใกล้กับฉนวนกาซา ประมาณ 1,000 คน ช่วงเช้าในวันนี้ (8 ตุลาคม 2566) อิสราเอล ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันที่นิคมอุตสาหกรรมคิบบูตซ์ มาได้บางส่วน และสถานการณ์การจับตัวประกันขณะนี้ยุติลงแล้ว โดยกำลังรอการยืนยันว่าคนไทยได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้วกี่คน ทั้งนี้ เหตุการณ์การสู้รบตั้งแต่วันที่ 7 – 8 ตุลาคมนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว 1,590 ราย บาดเจ็บสาหัส 312 ราย มีผู้เสียชีวิต 250 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 160 ราย

Advertisement

ขณะที่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า หากมีสถานการณ์คืบหน้าขอให้ทางทูตแรงงานรีบประสานมาที่กระทรวงแรงงานโดยด่วน ซึ่งรวมถึงการขอความช่วยเหลือด้วย หากจะมีการขอเคลื่อนย้ายแรงงานขอให้ประสานสถานทูตไทยประจำกรุงอิสราเอล ทั้งนี้ รัฐบาลไทย โดยกองทัพอากาศจะไปรับแรงงานไทย และขอความร่วมมือให้ช่วยเหลือดูแลแรงงานไทยที่เหลือ

ทั้งนี้ ระหว่างที่ทูตแรงงานไทยประจำอิสราเอล รายงานสถานการณ์อยู่นั้น ก็มีสัญญาณแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือว่า มีการยิงกัน ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้มีการสอบถามด้วยความห่วงใย ว่า เจ้าหน้าที่อยู่จุดไหน ซึ่งได้มีการแจ้งว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย

Advertisement

ต่อมา นายพิพัฒน์ แถลงว่า จากรายงานของอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ทราบว่า มีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 8 ราย, ถูกจับเป็นตัวประกันไว้ จำนวน 11 ราย และยังมีแรงงานชาวไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อีกเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการฑูตแรงงาน ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ในการเร่งให้ความคุ้มครอง ดูแล และช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มที่และรวดเร็วที่สุด พร้อมประสานกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และ หน่วยงานในประเทศอิสราเอล ในการช่วยเหลืออพยพแรงงานไทยไปยังที่ปลอดภัย พร้อมการวางแผนในการนำแรงงานไทยกลับมายังประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยภายในเวลาอันใกล้นี้

“เเรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บถึงมือแพทย์เรียบร้อย ส่วนใหญ่ได้กลับมาสู่ที่พักในแคมป์คนงาน ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บมากก็มี 1-2 ราย ก็อยู่ที่โรงพยาบาลเรียบร้อย ส่วนใน 11 ราย ที่ถูกจัดเป็นตัวประกัน ขณะนี้ทางสถานทูตไทยในประเทศอิสราเอลได้มีการประสานกับทางรัฐบาลอิสราเอลตลอดเวลาในการที่จะช่วยเหลือทั้ง 11 คน ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ตอนนี้โดยเฉพาะทั้งหมดรวมทั้งผู้บาดเจ็บเเละถูกจับกุม 19 ราย ทางกระทรวงแรงงานได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปพบครอบครัวและญาติครบทั้ง 19 รายแล้ว” นายพิพัฒน์ กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ส่วนการที่มีข่าวออกมาว่า มีผู้เสียชีวิตยังไม่รับการยืนยันอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นกระทรวงก็ยังไม่สามารถที่จะตอบได้ว่า คนไทยมีเสียชีวิตหรือไม่

“จากที่มีข่าวออกมาว่ามีผู้เสียชีวิต 1-2 คน เราไม่รับการยืนยันจากรัฐบาลอิสราเอล และไม่รับการยืนยันจากเอกอัครราชทูตไทยในประจำอิสราเอล ข่าวดังกล่าวอาจจะเป็นข่าวที่ชาวแรงงานได้โพสต์กัน หรือส่งข้อมูลกันต่อๆ มา แต่เมื่อยังไม่ชัดเจน กระทรวงแรงงานและรัฐบาลไทย สามารถที่จะบอกว่าผู้บาดเจ็บผู้ถูกจับเราสามารถบอกได้ว่ามีกี่ราย แต่ผู้เสียชีวิตเราไม่สามารถแจ้งได้ว่ามีผู้เสียชีวิตหรือไม่ กระทรวงแรงงานมีความกังวลอย่างยิ่งในความปลอดภัยของพี่น้องชาวไทยทุกคน ณ ประเทศอิสราเอล พร้อมจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์สู้รบในอิสราเอล ขึ้น เพื่อรับข้อมูลและประสานข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อการเร่งช่วยเหลือ คุ้มครอง ดูแล พี่น้องแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลทุกท่านอย่างรวดเร็วที่สุด” นายพิพัฒน์ กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำหรับแรงงานชาวไทยในประเทศอิสราเอล หรือ ครอบครัวของแรงงานชาวไทยที่ยังไม่สามารถติดต่อญาติพี่น้อง ณ ประเทศอิสราเอลได้ในเวลานี้ สามารถติดต่อประสานงานขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนกรมการจัดหางาน (กกจ.) 1694 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และ 0 2245 6710 -11 (ในเวลาราชการ) สำหรับแรงงานในอิสราเอลติดต่อได้ที่หมายเลข (+972) 054 469 3476 และ บริษัทจัดหางานในอิสราเอล (PIBA) อีก 12 บริษัท

“ในนามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผมขอยืนยันว่า พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทย ที่เปรียบเสมือนฮีโร่ที่ทุ่มเท เสียสละ ทำงานอย่างหนักเพื่อหางรายเลี้ยงครอบครัว และ นำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศไทย ให้ได้รับความปลอดภัยอย่างรวดเร็วที่สุด และขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทย ทั้งในส่วน กระทรวงต่างประเทศ และ กระทรวงแรงงาน จะให้การคุ้มครองดูแลอย่างดีที่สุด พรัอมเร่งช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทยในการเดินทางกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัย และขอให้พี่น้องแรงงานไทยปฏิบัติตามมาตรการของทางการประเทศอิสราเอลอย่างเคร่งครัด พร้อมประสาน ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เพื่อการวางแผนในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว และ เราจะพยายามอย่างเต็มที่ในการนำพี่น้องแรงงานทุกท่านกลับประเทศไทยอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด” นายพิพัฒน์ กล่าว

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image