บอร์ด สปสช.เคาะแผนเร่งรัดใช้เงินปีงบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน โอนก้อนแรก ต.ค.นี้

บอร์ด สปสช.เคาะแผนเร่งรัดใช้เงินปีงบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน โอนก้อนแรก ต.ค.นี้

วันนี้ (8 ตุลาคม 2566) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 11/2566 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนการเร่งรัดการโอนงบประมาณในระหว่างการใช้งบไปพลางก่อน โดยให้มีผลดำเนินการต่อได้ทันที เพื่อให้หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีความมั่นใจในการให้บริการกับประชาชน

นพ.จเด็จ กล่าวถึงหลักการโอนงบ ว่า สปสช.จะเร่งโอนเงินงวดแรกของปีงบประมาณ 2567 ซึ่งเป็นงบเหมาจ่ายรายหัว ภายใน 2 สัปดาห์ของเดือนตุลาคม 2566 ส่วนค่าบริการจ่ายตามผลงานบริการ จะเร่งรัดโอนงวดแรกภายในวันที่ 24 ตุลาคม 2566 และหลังจากนั้นการโอนเงินจะเป็นไปตามประกาศใน 2 เรื่อง ประกอบด้วย

Advertisement

1.ประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และ 2.ประกาศ สปสช. ที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข และที่สำคัญ

“เนื่องจากระหว่างที่ สปสช. ทำคำของบ กว่าที่งบปี 2567 จะได้รับอนุมัติ คาดว่าประมาณเดือนพฤษภาคม 2567 จึงจำเป็นต้องมีการของบมาใช้ในกรณีสิทธิประโยชน์ใหม่ หรือตามนโยบายรัฐบาล ซึ่ง สปสช. จะมีงบอยู่ส่วนหนึ่ง และจะต้องเร่งรัดปิดบัญชีงบประมาณภายในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ และในเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่จะมีการประชุมบอร์ด สปสช. ครั้งต่อไป จะใช้ตามประกาศข้อ 8.4.11 ในกรณีที่ปิดบัญชีงบประมาณปี 2566 แล้วมีงบคงเหลือ สามารถนำมาใช้ในปีงบประมาณ 2567 ได้ ตามที่บอร์ด สปสช.อนุมัติ” นพ.จเด็จ กล่าว

เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบริบทพื้นที่พิเศษ ให้เร่งรัดการปิดบัญชีงบประมาณปี 2566 และเร่งรัดการจัดสรรเงิน โดยค่าใช้จ่ายที่คงค้างอยู่ให้นำไปรวมในปีงบประมาณ 2567 ทั้งนี้ สปสช.ได้โอนเงินจากการเร่งรัดให้หน่วยบริการในพื้นที่กรุงเทพฯ แล้ว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา

Advertisement

“สำหรับเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 อยู่ระหว่างการจัดทำ จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณ ปี 2566 ไปพลางก่อน และบอร์ด สปสช. ได้มีมติเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ให้ สปสช.เร่งเตรียมดำเนินการดังกล่าว สำหรับกรอบงบประมาณที่ใช้ไปพลางก่อนนี้ ทางสำนักงบประมาณได้ให้วงเงินมาร้อยละ 66.65 ตามกรอบวงเงินของปีงบประมาณ 2566 เป็นจำนวนเงิน 94,841 ล้านบาท และได้อนุญาตให้ สปสช. สามารถปรับเกลี่ยได้ทั้ง 12 รายการ ในการจัดสรรเงินค่าบริการให้กับหน่วยบริการ ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นว่าต้องเป็นร้อยละ 66.65 ทุกรายการ และจะมีบางรายการที่ได้เกือบ 100% เช่น ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร และเสี่ยงภัยฯ ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อสนับสนุนเป้นค่าเสื่อมของหน่วยบริการ ฯลฯ” นพ.จเด็จ กล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนงบที่อาจน้อยกว่าร้อยละ 66.65 เช่น เงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการและผู้ให้บริการ ค่าบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว ค่าบริการควบคุม ป้องกัน และโรคเรื้อรัง ฯลฯ โดยเป็นเรื่องของรอบการโอนงบ หรือข้อมูลการใช้จ่าย จึงอาจทำให้บางรายการมีสัดส่วนที่น้อยกว่ากรอบวงเงินที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม รายการที่งบแถวหลักคือ ค่าบริการทางการแพทย์ เอชไอวี โรคเอดส์ ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง และการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P) ซึ่งเป็นวงเงินงบประมาณที่ค่อนข้างมาก สปสช.ไม่ได้มีการปรับลด โดยอยู่ที่ร้อยละ 63-67

“การจะโอนเงินเร็วได้ภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมนี้ สำหรับงบเหมาจ่ายร่ายหัว เราได้มีการคำนวณเงินในระดับ CUP ซึ่งวงเงินนี้จะร่วมเงินของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ถ่ายโอนด้วย ฉะนั้น วงเงินตรงนี้ก็จะต้องมีการทำข้อตกลงเพื่อจะได้โอนเงินเร็วขึ้น” นพ.จเด็จ กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image