สปสช.ชวน “ห้องพยาบาล” ในบริษัท/โรงงาน ร่วมให้บริการป้องกันโรคกลุ่มพนักงาน

สปสช.ชวน “ห้องพยาบาล” ในบริษัท/โรงงาน ร่วมให้บริการป้องกันโรคกลุ่มพนักงาน

วันนี้ (11 ตุลาคม 2566) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช.ได้จัดสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับคนไทยทุกคน ทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง ประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุข พ.ศ.2565 แต่ที่ผ่านมาพบว่า ทั้งกลุ่มข้าราชการและผู้ประกันตนมีจำนวนการไม่เข้ารับบริการสูงถึงร้อยละ 40-45 ดังนั้น สปสช. จึงได้มีแนวทางดำเนินการเพื่อให้เกิดการเข้ารับบริการเพิ่มขึ้น

“เบื้องต้น ในส่วนของผู้ประกันตน ตามกฎกระทรวงแรงงานว่าด้วยการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2545 กำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานหรือลูกจ้างตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป มีห้องพยาบาลและมีแพทย์หรือพยาบาลคอยให้บริการ พร้อม 1 เตียง และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสถานพยาบาลอื่นซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล กำหนดให้มีห้องพยาบาลในสถานประกอบกิจการที่แจ้งขอประกอบกิจการสถานพยาบาล (สพ.อ.2) เป็นสถานพยาบาลที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนในลักษณะที่เป็นการจัดสวัสดิการให้แก่เจ้าหน้าที่ พนักงาน ลูกจ้าง ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ทั้งนี้ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจกรรมสถานพยาบาลและใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลและไม่ต้องขำระค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อให้การจัดบริการเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ” ทพ.อรรถพร กล่าว

Advertisement

รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ห้องพยาบาลในสถานประกอบกิจการข้างต้นนี้ มีมาตรฐานที่จะร่วมให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่เป็นสิทธิประโยชน์กองทุนบัตรทองฯ ให้กับพนักงาน/ลูกจ้าง ในรายการตามศักยภาพและความพร้อมจัดบริการของห้องพยาบาลได้ ดังนั้น ที่ผ่านมา สปสช.จึงได้เชิญชวนให้ห้องพยาบาลในสถานประกอบการนี้สมัครร่วมเป็น “หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประเภทหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค” กับ สปสช. เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสิทธิและบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ของกลุ่มวัยทำงานให้กับผู้ประกันตน

สำหรับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เป็นสิทธิประโยชน์ของกลุ่มวัยทำงานนี้ มีรายการบริการที่ครอบคลุมทุกเพศ ดังนี้

Advertisement

ประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพกาย/สุขภาพจิต ได้แก่ ประเมินดัชนีมวลกาย ตรวจวัดความดันโลหิต คัดกรองความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติด ประเมินภาวะเครียด-ซึมเศร้า และการให้คำปรึกษาและแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคล

การตรวจเชื้อ HIV ด้วยชุดตรวจด้วยตนเองพร้อมให้คำปรึกษา บริการตรวจการตั้งครรภ์ (ตรวจปัสสาวะ,ชุดทดสอบ) บริการวางแผนครอบครัวและการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ได้แก่ บริการถุงยางอนามัยพร้อมให้คำปรึกษา ยาเม็ดคุมกำเนิด ชนิดฮอร์โมนรวมสำหรับหญิงปกติทั่วไป บริการยาเสริมธาตุเหล็ก บริการเจาะเลือดตรวจวัดระดับน้ำตาล เมื่อผลคัดกรองพบเป็นกลุ่มเสี่ยง บริการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และซี บริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (HPV DNA test)

สำหรับในส่วนของยาคุมกำเนิดนั้น ยังครอบคลุมยาคลุมกำเนิดชนิดเม็ดสำหรับหญิงที่ให้นมบุตร และผู้ที่มีประวัติไมเกรนแบบมีออร่า ยาฉีดคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน บริการใส่ห่วงอนามัย และบริการฝังยาคุมกำเนิด โดยเป็นรายการที่ต้องให้บริการโดยแพทย์

นอกจากนี้ ยังมีบริการสายด่วนสุขภาพจิต โทร.1323 และบริการสายด่วนเลิกบุหรี่ โทร.1600 ที่เป็นบริการที่ผู้ประกันตนสามารถรับบริการได้ด้วยตนเอง

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า ในรายการบริการยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มวัยทำงานที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ได้แก่ ตรวจประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและหรือเจาะเลือดปลายนิ่วตรวจระดับน้ำตาล (FCG) และการตรวจประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (Thai CV score) บริการตรวจวัดคอเลสเตอรอล และ HDL และบริการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่/ลำไส้ตรง

“ผลที่เกิดขึ้น นอกจากเป็นการดูแลและห่วงใยต่อสุขภาพของพนักงาน/ลูกจ้าง ได้เข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เป็นสิทธิของคนไทยทุกคนแล้ว ยังลดความเสี่ยงภาวะเจ็บป่วยรุนแรงจากโรคที่ตรวจคัดกรองได้ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ ความเสี่ยงเบาหวาน/โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น ขณะเดียวกันยังแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการจัดบริการตรวจสุขภาพของสถานประกอบกิจการ โดยเบิกจ่ายค่าบริการจาก สปสช. ตามรายการสิทธิประโยชน์อัตราที่กำหนด และในกรณีพนักงาน/ลูกจ้าง มีผลตรวจคัดกรองที่พบภาวะเสี่ยงหรือเจ็บป่วย ก็สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาล เช่น ประกันสังคม เป็นต้น นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลพนักงาน/ลูกจ้างของสถานประกอบการเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานอีกด้วย” ทพ.อรรถพร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image