‘พิพัฒน์’ รับแรงงานชุดที่ 3 จากอิสราเอล เผยยอดกลับถึงไทยแล้ว 187 ราย

“พิพัฒน์” รับแรงงานชุดที่ 3 จากอิสราเอล เผยยอดกลับถึงไทยแล้ว 187 ราย

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยระหว่างนำคณะ ประกอบด้วย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมรับแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอล จำนวน 90 คน ณ โรงแรมเอสซี ปาร์ค ถนนประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพมหานคร ว่า ในวันนี้แรงงานไทย จำนวน 90 คน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว โดยแรงงานไทยกลุ่มนี้ถือเป็นแรงงานชุดที่ 3 ที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้กับสถานทูตไทยในอิสราเอล และได้เดินทางกลับจากอิสราเอลโดยสายการบิน Fly Dubai ถึงสนามบินอู่ตะเภา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนที่จะได้พบปะญาติที่ไปรอต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้จัดเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์พร้อมประสานญาติอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนา

“กระทรวงแรงงานเชื่อมั่นว่า พวกเราจะสามารถพาแรงงานไทยที่เหลือทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดี มีแรงงานไทยบางส่วนแจ้งความจำนงว่า ขออยู่ทำงานที่อิสราเอลต่อ ในส่วนนี้หากเกิดภาวะวิกฤตจริงๆ คงต้องพากลับทั้งหมด ส่วนการกลับไปทำงานใหม่อีกครั้ง กระทรวงแรงงานได้แจ้งนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า ในส่วนผู้ที่ยังไม่หมดสัญญา กระทรวงแรงงานจะพยายามติดต่องานให้ จึงขอให้สบายใจได้ว่า กระทรวงแรงงานจะทำหน้าที่ประสานงานให้และเมื่อเหตุการณ์สงบ จะพาทุกคนกลับไปทำงาน

Advertisement

หากมีความประสงค์ที่จะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง หรือคนที่ไม่ประสงค์กลับไป สามารถแจ้งความประสงค์ไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อเดินทางไปทำงานยังประเทศอื่นๆ หรือหากมีความประสงค์จะทำงานในประเทศไทย เราก็พร้อมหางานให้ โดยขอให้แจ้งไปที่กรมการจัดหางาน (กกจ.) และขอให้ทุกคนเก็บตั๋วเดินทางในวันนี้ไว้ เพื่อเบิกค่าใช้จ่ายเดินทางกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ซึ่งรัฐบาลจะดูแลรับผิดชอบในการเดินทางกลับประเทศไทย และขอให้ทุกคนช่วยสื่อสารไปยังเพื่อนๆ แรงงานไทยที่อยู่ในอิสราเอลที่ยังไม่ได้เดินทางกลับว่า สามารถแจ้งความประสงค์ขอกลับไปยังกระทรวงแรงงานได้” นายพิพัฒน์กล่าว

Advertisement

ด้านนายไพโรจน์กล่าวว่า สำหรับแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และอยู่ในความคุ้มครอง เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย กระทรวงแรงงานมีการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ทันที รายละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นเงินสงเคราะห์ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม หรือกรณีทุพพลภาพ จะได้รับการสงเคราะห์ คนละ 30,000 บาท กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ สงเคราะห์จำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่างประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท นอกจากนี้ ยังได้รับสวัสดิการตามกฎหมายของประเทศอิสราเอล (ประกันการทำงาน + นายจ้างจ่าย) กรณีบาดเจ็บ/พิการตามการรับรองของแพทย์ แบ่งเป็น บาดเจ็บ 10-19% ได้รับเงินก้อนเดียว ประมาณ 1,440,000 บาท บาดเจ็บเกิน 20% ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าจะเสียชีวิต โดยประเมินจากความสูญเสีย กรณีเสียชีวิตภรรยาและบุตรได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าภรรยาจะแต่งงานใหม่ และบุตรอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (ภรรยาเป็นเงิน 34,560 บาทต่อเดือน/บุตรเป็นเงิน 5,760-11,520 บาทต่อเดือน)

“ส่วนความคืบหน้าของสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล จากรายงานของอัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ล่าสุดได้รับรายงานว่า มีแรงงานไทยที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน จำนวน 17 ราย เสียชีวิต จำนวน 28 ราย (รอยืนยัน) บาดเจ็บ 16 ราย (ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ 1 ราย) กรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์การเดินทางกับทางสถานทูตฯ จำนวน 7,540 ราย จำแนกเป็น ผู้ที่ขอเดินทางกลับประเทศไทย จำนวน 7,446 ราย และแจ้งความประสงค์ไม่ขอกลับ จำนวน 94 ราย และขณะนี้ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว จำนวน 187 ราย” นายไพโรจน์กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image