กลุ่มป้องกันภัยแอลกอฮอล์ชี้นั่งเฉยๆ ถึงตี 4 ทำไม่ได้จริง! แบบไทยต้องหัวราน้ำ
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการเปิดสถานบริการได้ถึงเวลา 04.00 น. ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ระบุว่า อนุญาตให้เปิดร้านได้ถึงตี 4 แต่ไม่อนุญาตขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วิพากษ์วิจารณ์ว่า “คนคิดไม่เป็น” ว่า สถานบริการที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายของ มท. ที่ในพื้นที่ที่กำหนดซึ่งในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่พันแห่ง โดยสามารถเปิดให้บริการได้ถึงเวลา 02.00 น. และในกฎหมายได้กำหนดว่า ให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลาปิดสถานบริการ ส่วนสถานที่คล้ายคลึงสถานบริการ สามารถเปิดได้ถึงเวลา 01.00 น. แต่ให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลา 24.00 น.เท่านั้น
“ส่วนแนวคิดของนายอนุทิน ที่ให้นั่งพูดคุยกันเฉยๆ จนถึงตี 4 โดยไม่ขยายเวลาจำหน่ายเหล้านั้น ในความเป็นจริงนั้นจะสามารถทำได้หรือไม่ เช่น ซื้อตุนไว้ก่อน แล้วนั่งดื่มไปยาวๆ แต่เรื่องนี้อย่าลืมว่ายังมีประกาศของคณะปฏิวัติ (ปว.) ฉบับที่ 253 ระบุว่า ไม่สามารถให้นั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เกินเวลาห้ามจำหน่ายที่อนุญาตไว้ คือหลัง 24.00 น. ก็ต้องนั่งไปเฉยๆ แบบที่นายอนุทินว่า แต่ในความเป็นจริง จะมีปากว่าตาขยิบ จะมีคนที่เมาแล้วก็ยังดื่มต่อ ปัญหาอื่นๆ ก็จะตามมา แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะห้ามดื่ม เพราะขนาดปกติออกจากร้านก็ยังไปต่อร้านข้าวต้มเลย ซึ่งวัฒนธรรมการกินดื่มที่มีการวางแผน มันไม่ใช่บ้านเรา แต่ในต่างประเทศเขามีการกินดื่มที่มีการวางแผน แต่บ้านเรากินดื่มแบบหัวราน้ำ” นายชูวิทย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกมาแสดงความเห็นถึงกรณีขยายเวลาเปิด แต่ไม่ขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นายชูวิทย์กล่าวว่า คนกลุ่มที่ได้ประโยชน์มีความพยายามในเรื่องนี้มาตลอด ดังนั้น เมื่ออนุญาตให้เปิดร้านได้ถึงตี 4 แต่ไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เขาก็ไม่ได้ประโยชน์ ทั้งยังจะต้องเสียค่าจ้างพนักงานในร้าน ค่าใช้จ่ายในการขยายเวลาเปิดร้าน แต่ขณะที่ไม่สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ซึ่งนั่นเป็นเป้าหมายสูงสุดของเขา
นายชูวิทย์กล่าวว่า ส่วนกรณีการเปิดสถานบริการได้ถึงตี 4 นั้น การขยายเวลาทำให้คนเมาเพิ่มขึ้น ฉะนั้น หากจะทำเรื่องนี้จริง ก็ต้องมีมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เช่น ห้ามให้คนที่ไปเที่ยวขับรถยนต์ จะต้องใช้รถสาธารณะเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถควบคุมในมิติสังคมได้ เช่น การทะเลาะวิวาท การคุกคามทางเพศ ฯลฯ รวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย ดังนั้น อย่ามองแค่เรื่องอุบัติเหตุอย่างเดียว
“คำถามคือ จะควบคุมอย่างไรไม่ให้คนแห่ไปเที่ยวในร้านที่เปิดได้ถึงตี 4 แล้วยิ่งมีการอนุญาตให้เปิดแค่เพียงบางแห่ง ในโซนนิ่ง 4 จังหวัดเท่านั้น ก็ยิ่งเป็นการเอื้อต่อนายทุน แล้วร้านที่ไม่ได้เปิดก็มีสิทธิตั้งคำถามว่า ทำไมมีความเหลื่อมล้ำ ที่เปิดเพียงบางแห่ง บางพื้นที่” นายชูวิทย์กล่าว
